นายยุทธ ชินสุภัคกุล ประธานกรรมการ บมจ.โรงพิมพ์ตะวันออก (EPCO) เปิดเผยว่า บริษัทได้ดำเนินการจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์(COD) ในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ประเภท Solar Farm ที่จังหวัดฟูเยี้ยน สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 10 และ 11 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยมีขนาดกำลังการผลิตติดตั้งอยู่ที่ระดับ 110.03 เมกะวัตต์ (MW) และถือว่าเป็นการ COD ได้ก่อนกำหนด ดังนั้น ทำให้กำลังการผลิตไฟฟ้าของบริษัทเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 533 เมกะวัตต์ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้เป็นที่เรียบร้อย
"เราค่อนข้างมั่นใจว่าการที่บริษัทสามารถจ่ายไฟฟ้าในโครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟูเยี้ยนที่เวียดนามได้ก่อนกำหนด จะทำให้สร้างรายได้เพิ่มขึ้นได้เร็วกว่าคาด โดยโครงการดังกล่าว มีระยะเวลาขายไฟฟ้าให้กับ Electricity of Vietnam (EVN) เป็นเวลา 20 ปีในอัตรารับซื้อไฟฟ้า (Feed in Tariffหรือ FIT) ที่ 0.0935 ดอลลาร์ต่อหน่วย และสามารถสร้างอัตราผลตอบแทน (IRR)ระดับ 16%"นายยุทธ กล่าว
นายยุทธ กล่าวอีกว่า ขณะนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างการก่อสร้างโครงการคูริฮาร่า 2 ดำเนินการ โดย Kurihara GK ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ EPCO ถือหุ้น 98% เป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 17.25 เมกะวัตต์ ซึ่งอยู่เขตพื้นที่คูริฮาร่า จังหวัดมิยากิ ประเทศญี่ปุ่น โดยได้รับหนังสือแจ้งผลการพิจารณารับซื้อไฟฟ้าจาก Tokoku โดยมีระยะเวลาซื้อขายไฟฟ้า 20 ปีในระบบ FIT ซึ่งราคาขายไฟฟ้าอยู่ที่ 36 เยนต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง คงที่ตลอดอายุสัญญา และคาดว่าจะ COD ภายในเดือนตุลาคม 2562
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของรายได้จากธุรกิจโรงพิมพ์ และบรรจุภัณฑ์มีทิศทางที่ดีขึ้น หลังจากได้เข้าไปลงทุนซื้อหุ้นของ บริษัทดับบลิวพีเอส (WPS) ซึ่งดำเนินธุรกิจโรงพิมพ์ สามารถสร้างรายได้ในระดับที่ดี ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการเพิ่มศักยภาพของธุรกิจการพิมพ์ โดยคาดว่าจะเริ่มผลิตกล่องลูกฟูกได้ตั้งแต่ไตรมาส 3/62 เป็นต้นไป และจะช่วยให้บริษัทมีรายได้ธุรกิจโรงพิมพ์เพิ่มขึ้นเท่าตัว
ทั้งนี้ เมื่อการดำเนินธุรกิจมีแนวโน้มที่ดีอย่างชัดเจน ทำให้บริษัทมั่นใจว่าภาพรวมการเติบโตปีนี้ ยังเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยคาดว่ารายได้รวมทั้งปีจะเติบโตแตะระดับ 50% ทุบสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้ง เนื่องจากธุรกิจสิ่งพิมพ์และธุรกิจโรงไฟฟ้าสามารถทำได้ตามแผนที่วางไว้