ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ WHA วงเงินไม่เกิน 2 พันลบ. ที่ระดับ "A-/Stable"

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday June 13, 2019 11:23 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด คงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของ บมจ. ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA) ที่ระดับ "A-" ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งยังจัดอันดับเครดิตให้แก่หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 2,000 ล้านบาทของบริษัทที่ระดับ "A-" ด้วยเช่นกัน โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปจ่ายชำระหนี้เดิมของบริษัท ตลอดจนนำไปใช้ลงทุนตามแผนงานและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน

อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะในการแข่งขันที่แข็งแกร่งของบริษัทในธุรกิจพัฒนาคลังสินค้าตามความต้องการของลูกค้า (Built-to-suit Warehouses) และธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมในประเทศไทย ทั้งนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงฐานรายได้ประจำที่บริษัทได้รับจากสินทรัพย์ให้เช่า รวมทั้งจากธุรกิจให้บริการสาธารณูปโภค และจากการลงทุนในธุรกิจผลิตไฟฟ้า นอกจากนี้ยังคำนึงถึงความยืดหยุ่นทางการเงินของบริษัทจากการขายสินทรัพย์เข้าทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT หรือทรัสต์ฯ) อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตถูกลดทอนลงไปบางส่วนจากความผันผวนของธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม

อัตรากำไรและกระแสเงินสดของบริษัทอ่อนลงในไตรมาสแรกของปี 2562 อัตรากำไรจากการดำเนินงานลดลงมาอยู่ที่ 19.1% เทียบกับระดับ 30%-40% ในปี 2558-2561 เงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทลดลง 40.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้ามาอยู่ที่ระดับ 400 ล้านบาท การลดลงมีสาเหตุหลักมาจากอัตรากำไรที่ต่ำจากการขายสินทรัพย์เข้าทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ บิสซิเนส คอมเพล็กซ์ (WHABT) บริษัทได้ขายพื้นที่สำนักงานให้เช่าแก่ WHABT ในปี 2558 โดยรายได้นี้ถูกบันทึกเป็นรายได้รับล่วงหน้าที่มีอัตรากำไรในระดับต่ำ และทยอยรับรู้เป็นรายได้ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม บริษัทรับรู้รายได้จากรายการนี้จำนวนมากในไตรมาสแรกของปี 2562 หากไม่รวมรายการดังกล่าวแล้วอัตรากำไรจากการดำเนินงานในไตรมาสแรกของปี 2562 จะอยู่ที่ระดับ 36% นอกจากนี้ บริษัทไม่มีรายการขายสินทรัพย์เข้าทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เหมราช (HREIT) ในไตรมาสแรกของปี 2562 ในขณะที่บริษัทขายสินทรัพย์เข้า HREIT จำนวน 1,259 ล้านบาทในไตรมาสแรกของปี 2561 และมีอัตรากำไรขั้นต้นในระดับเกินกว่า 40%

อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งยังคงมีมุมมองต่อผลประกอบการของบริษัทว่าจะค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้นเนื่องจากบริษัทมียอดขายที่ดินที่รอโอนจำนวนมาก นอกจากนี้ การลงทุนระยะยาวในประเทศไทยคาดว่าจะยังคงมีแนวโน้มเติบโตที่ดีจากปัจจัยต่าง ๆ ที่เอื้ออำนวยไม่ว่าจะเป็นทำเลที่ตั้งที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ของประเทศและการมีระบบสาธารณูปโภคที่ดี นอกจากนี้ ปัจจัยสนับสนุนการลงทุนยังมาจากโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกอีกด้วย

ทริสเรทติ้งคาดว่าภาระหนี้สินของบริษัทจะยังคงเพิ่มขึ้น อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทอยู่ที่ระดับ 52.3% ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2562 เพิ่มขึ้นจากระดับ 51.5% ณ สิ้นปี 2561 ทริสเรทติ้งยังคงคาดว่าบริษัทจะมีความยืดหยุ่นทางการเงินที่สามารถจัดการภาระหนี้ดังกล่าวให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมได้ ทั้งนี้ การขายสินทรัพย์เข้าทรัสต์ฯ ก็เป็นหนึ่งในทางเลือกของบริษัท นอกจากนี้ บริษัทยังมีความสามารถในการเข้าถึงแหล่งเงินกู้จากธนาคารและตลาดทุนได้อีกด้วย

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนถึงความคาดหมายว่าบริษัทจะยังคงสามารถรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจคลังสินค้าและนิคมอุตสาหกรรมต่อไปได้ ตลอดจนคาดว่าบริษัทจะดูแลระดับหนี้สินให้เหมาะสมแม้ว่าจะอยู่ในช่วงขยายธุรกิจก็ตาม ภายใต้สมมติฐานพื้นฐานของทริสเรทติ้งคาดว่ากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายของบริษัทจะอยู่ที่ระดับ 4,500-5,500 ล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2562-2564 เงินทุนจากการดำเนินงานจะอยู่ที่ประมาณ 3,000 ล้านบาทต่อปีในช่วงเวลาเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากระดับประมาณการกระแสเงินสดจากการดำเนินงานดังกล่าว ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมของบริษัทจะอยู่ที่ระดับ 7%-9% ในช่วงระยะเวลา 3 ปีข้างหน้า และอัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายจะอยู่ที่ระดับประมาณ 3 เท่าในช่วงเวลาเดียวกัน

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

อันดับเครดิตของบริษัทอาจได้รับการปรับลดลงหากภาวะการลงทุนภาคเอกชนถดถอยลงจนส่งผลให้รายได้และกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทอ่อนแอลงกว่าที่คาดเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ การลงทุนขนาดใหญ่ที่ต้องใช้เงินกู้จำนวนมากซึ่งจะส่งผลให้โครงสร้างเงินทุนของบริษัทอ่อนแอลงและลดทอนความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัทก็จะเป็นปัจจัยลบต่ออันดับเครดิตได้ด้วยเช่นกัน

ในทางตรงกันข้าม อันดับเครดิตอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหากกระแสเงินสดของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างมั่นคงและอย่างมีนัยสำคัญโดยที่บริษัทสามารถปรับปรุงโครงสร้างทางการเงินให้แข็งแกร่งไปด้วยพร้อมกัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ