นายวีระ ธิตยางกรุวงศ์ ผู้ช่วยหัวหน้าแผนกนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.จีเอฟพีที (GFPT) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 62 เติบโต 5% จากปีก่อนที่มีรายได้ราว 1.7 หมื่นล้านบาท โดยได้รับปัจจัยบวกจากยอดขายในประเทศ และต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศหลักอย่างประเทศญี่ปุ่น สหภาพยุโรป และประเทศจีน ที่เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงเตรียมที่จะบุกตลาดใหม่คือกลุ่มตะวันออกกลางเพิ่มเติมด้วย นอกจากนี้ปัญหาโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) ที่เกิดขึ้น ก็ส่งผลให้มีการบริโภคเนื้อไก่มากขึ้น เพราะเนื้อไก่เป็นสิ่งที่ทดแทนเนื้อสุกรได้เป็นปกติ
ทั้งนี้ บริษัทมีสัดส่วนรายได้มาจากการจำหน่ายในประเทศ 75% และต่างประเทศ 25% แต่ปีนี้บริษัทคาดว่าสัดส่วนรายได้ต่างประเทศน่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 28-30% โดยปัจจัยหลักมาจากการส่งออกขาไก่ไปจีนที่เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
"โดยปกติการเติบโตของรายได้เราเฉลี่ย 10 ปีย้อนหลังอยู่ที่ 7-8% ต่อปี แต่อย่างไรก็ตามในปีนี้การเติบโตไม่ได้มากเหมือนก่อนหน้านี้เป็นผลมาจากที่ราคาขายไก่ และราคาต้นทุนวัตถุดิบ ไม่ดีนักตั้งแต่ปีที่ผ่านมา แต่ในช่วงต้นปีนี้เริ่มฟื้นตัวได้แล้ว ปีนี้จึงยังมีการเติบโตได้"นายวีระ กล่าว
นายวีระ กล่าวว่า เบื้องต้นคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะทรงตัวจากปีก่อนที่อยู่ระดับ 14-15% แม้ว่าตั้งแต่ต้นปีนี้ราคาต้นทุนวัตถุดิบ คือกากถั่วเหลืองและข้าวโพดปรับตัวลดลง 8-10% และราคาขายสินค้าปรับตัวสูงขึ้น 5-10% แต่ก็ยังต้องดูสถานการณ์ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ด้วยว่าจะมีทิศทางอย่างไรทำให้ตั้งเป้าหมายในลักษณะ conservative ไว้ก่อน
สำหรับแผนงานในช่วงปี 62-64 บริษัทตั้งงบลงทุนไว้ที่ราว 4-5 พันล้านบาท หรือเฉลี่ยปีละ 1.2-1.5 พันล้านบาท เพื่อที่จะใช้ลงทุนขยายโรงชำแหละไก่ กำลังการผลิต 150,000 ตัว/วัน จากเดิมที่มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 150,000 ตัว/วัน โดยคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในช่วงปลายปี 63 และจะลงทุนโรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์ไก่ต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าจะใช้ระยะเวลาก่อสร้างอีก 2 ปี