ตลาดหลักทรัพย์ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,674.14 จุด เพิ่มขึ้น 3.03 จุด (+0.18%) มูลค่าการซื้อขาย 55,324.82 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยดัชนีฯแตะจุดสูงสุดที่ 1,675.84 จุด และแตะจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,663.39 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 602 หลักทรัพย์ ลดลง 754 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 504 หลักทรัพย์
นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงบ่ายนี้ปรับตัวขึ้นได้ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ฟื้นตัวดีขึ้นในภาคบ่าย โดยบางตลาดฯพลิกกลับมาเป็นบวกได้ จากราคาน้ำมันได้กลับมาฟื้นตัวหลังจากที่มีข่าวว่าเกิดเหตุเพลิงไหม้เรือบรรทุกน้ำมันในน่านน้ำอ่าวโอมาน ส่งผลให้มีแรงซื้อกลับเข้ามาที่หุ้นในกลุ่มพลังงาน และโรงกลั่น ทำให้หุ้นบางตัวพลิกมาอยู่ในแดนบวก และบางตัวก็ลดช่วงลบลงจากภาคเช้า นอกจากนี้ตลาดฯยังได้แรงหนุนจากแรงซื้อหุ้น CPALL เข้ามาด้วย
อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์หน้า ว่าจะมีการส่งสัญญาณการปรับลดอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ ซึ่งถ้ามีการลดดอกเบี้ยก็จะทำให้ Fund Flow ไหลออกมาจากสหรัฐฯ และขณะนี้อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) ของสหรัฐฯ และไทย อายุ 10 ปี ได้เริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ โดย Bond yield ของไทยจะสูงกว่าสหรัฐฯ ซึ่งจะเป็นการจูงใจให้เงินไหลเข้ามาในภูมิภาคเอเชีย
นอกจากนี้ ให้ติดตามการประชุม G20 ในช่วงปลายเดือนนี้ ซึ่งให้จับตาประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน จะมีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง
แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (14 มิ.ย.) นายศราวุธ กล่าวว่า ตลาดฯยังมีโอกาสที่จะเคลื่อนไหวในแดนบวกได้ พร้อมให้แนวรับ 1,670 จุด ส่วนแนวต้าน 1,680 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
BEM มูลค่าการซื้อขาย 2,894.74 ล้านบาท ปิดที่ 11.30 บาท ลดลง 0.10 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,481.36 ล้านบาท ปิดที่ 47.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 2,369.77 ล้านบาท ปิดที่ 82.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
EA มูลค่าการซื้อขาย 2,020.37 ล้านบาท ปิดที่ 51.75 บาท ลดลง 1.75 บาท
PTTGC มูลค่าการซื้อขาย 1,885.71 ล้านบาท ปิดที่ 63.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท