โบรกเกอร์ แนะนำ "ซื้อ" หุ้นธนาคารกรุงเทพ (BBL) จากแนวโน้มการฟื้นตัวอย่างโดดเด่นของสินเชื่อในครึ่งหลังของปีนี้ รับปัจจัยหนุนของโครงการลงทุนภาครัฐที่จะทยอยออกมาหลังจากการจัดตั้งรัฐบาลมีความชัดเจนแล้ว ทำให้ความต้องการใช้สินเชื่อมีโอกาสเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มของสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ ซึ่ง BBL จะได้รับอานิสงส์ดังกล่าวไปด้วย
ขณะเดียวกันแนวโน้มของส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ยังมีการปรับเพิ่มขึ้น จากผลตอบแทนของสินเชื่อขยับเพิ่มขึ้น และต้นทุนทางการเงินลดลง นอกจากนี้ราคาหุ้น BBL ที่ Laggard ก็มีโอกาสฟื้นตัวขึ้น หากมีความชัดเจนของการผลักดันการเปิดประมูลโครงการขนาดใหญ่ใหม่ ๆ ของภาครัฐออกมาในช่วงครึ่งปีหลัง และ BBL ก็ถือเป็นหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่ให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (dividend yield) ที่สูงถึง 4% ทำให้ยังน่าสนใจการลงทุน
ช่วงบ่ายราคาหุ้น BBL อยู่ที่ 199 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือ 0.25% ขณะที่ดัชนี SET ลดลง 0.27%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) เอเชีย เวลท์ ซื้อ 246 ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 245 กรุงศรี ซื้อ 245 กสิกรไทย ซื้อ 240 ไทยพาณิชย์ ซื้อ 240 หยวนต้า (ประเทศไทย) ซื้อ 240 ฟิลลิป (ประเทศไทย) ซื้อ 231 ทิสโก้ ซื้อ 228 เอเซีย พลัส ซื้อ 227
นางสาวอุษณีย์ ลิ่วรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า BBL จะได้รับอานิสงส์อย่างมากจากการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ต่าง ๆ ที่เตรียมจะออกมาหลังจากการมีรัฐบาลชุดใหม่ จะช่วยหนุนต่อสินเชื่อรายใหญ่ของธนาคารให้เติบโตโดดเด่น โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลังที่คาดว่าจะมีงานโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐออกมา จากช่วงครึ่งปีแรกที่แนวโน้มชะลอตัวอยู่
นอกจากนี้ความน่าสนใจของ BBL ยังมาจากราคาหุ้นที่ Laggard เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และ BBL ถือเป็นหุ้นขนาดใหญ่ที่มีโอกาสได้อานิสงส์จากกระแสเงินทุนที่ไหลเข้ามาด้วย ขณะที่ยังเป็นหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงถึง 4% ทำให้มองว่าเป็นหุ้นที่มีความน่าสนใจลงทุนตัวหนึ่ง
นางสาวสุนันทา วสะภิญโญกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า BBL จะเป็นหนึ่งในธนาคารพาณิชย์ที่ได้รับประโยชน์จากการลงทุนที่คาดว่าจะฟื้นตัวขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี หลังการจัดตั้งรัฐบาลแล้วเสร็จ ก็คาดว่าจะมีการทยอยเปิดประมูลโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐออกมา จะทำให้เห็นการเติบโตของสินเชื่อลูกค้าขนาดใหญ่อย่างโดดเด่นในช่วงครึ่งปีหลัง แต่อย่างไรก็ตามยังคงมีความเสี่ยงจากแนวโน้มของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว อาจส่งผลกระทบต่อลูกค้าที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวข้องกับการส่งออกได้บ้าง
อีกทั้ง ธนาคารยังคงมีการบริหารจัดการ NIM ได้ดี ซึ่งอยู่ในช่วง 2.38-2.4% สูงขึ้นจากปีก่อนที่ 2.3% จากแนวโน้มของผลตอบแทนจากการให้สินเชื่อปรับตัวเพิ่มขึ้น และต้นทุนทางการเงินลด ซึ่งในส่วนของกำไรของ BBL ในปีนี้ยังคาดการณ์ไว้เติบโต 8.7% จากปีก่อน ส่วนความน่าสนใจของ BBL ในช่วงนี้มองว่ามีโอกาสที่ได้รับประโยชน์จากกระแสเงินทุนไหลเข้า ซึ่งอาจจะช่วยหนุนต่อราคาหุ้นให้กลับมาฟื้นตัวจากที่ราคาหุ้นของ BBL ยังคง Laggard และมีการปรับตัวลดลงสวนทางกับดัชนีตลาดหุ้นไทยที่นับตั้งแต่ต้นปียังเห็นการเพิ่มขึ้น
ด้านนักวิเคราะห์บล.กรุงศรี กล่าวว่า จากความต้องการสินเชื่อที่ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสินเชื่อในกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ ที่จะมีการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐออกมา ทำให้ธนาคารจะได้รับอานิสงส์ดังกล่าวไปด้วย เพราะเป็นเป็นธนาคารที่ได้รับผลประโยชน์จากกลุ่มลูกค้าขนาดใหญ่มากที่สุด และจะช่วยหนุนให้สินเชื่อรวมของธนาคารสามารถเติบโตได้คามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 4-6%
ขณะเดียวกัน NIM ของธนาคารยังมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นมาในช่วง 2.35-2.40% จากสิ้นปีก่อนที่ 2.33% จากผลตอบแทนของสินเชื่อที่มีการปรับตัวขึ้น และต้นทุนการเงินลดลงจากเงินฝากที่มีการกระจายตัวไปที่เงินฝากที่ให้อัตราดอกเบี้ยไม่สูงมาก โดยเฉพาะเงินฝากของกลุ่มลูกค้าธุรกิจ และในด้านราคาหุ้นของ BBL ในปัจจุบันถือว่ายังมีความน่าสนใจ เพราะราคาปรับตัวลดลงไปค่อนข้างมาก และยังไม่ฟื้นตัวขึ้นที่โดดเด่น ซึ่งคาดว่าจะในครึ่งปีหลังหากปัจจัยหนุนของโครงการลงทุนภาครัฐออกมาชัดเจน มีโอกาสผลักดันราคาหุ้นของ BBL ต่อไปได้