บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด คงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของ บมจ. ทีพีไอ โพลีน (TPIPL) ที่ระดับ "BBB+" พร้อมทั้งคงแนวโน้มอันดับเครดิต "Positive" หรือ "บวก" นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งได้จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 6,000 ล้านบาทของบริษัทที่ระดับ "BBB+" ด้วยเช่นกัน โดยอันดับเครดิตหุ้นกู้ชุดใหม่จะใช้ทดแทนอันดับเครดิตหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 5,000 ล้านบาทที่ประกาศเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2562 เนื่องจากบริษัทต้องการเพิ่มมูลค่าหุ้นกู้ที่จะออกจำหน่าย ทั้งนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้นี้ไปใช้ไถ่ถอนหุ้นกู้ที่มีอยู่เดิม รวมถึงเงินกู้ธนาคารด้วย
อันดับเครดิตยังคงสะท้อนถึงตำแหน่งทางการตลาดที่แข็งแกร่งของบริษัทในตลาดปูนซีเมนต์ในประเทศไทย รวมถึงแหล่งที่มาของรายได้ที่หลากหลาย และกระแสเงินสดที่แข็งแรงจากธุรกิจผลิตไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตถูกลดทอนลงไปบางส่วนจากลักษณะที่เป็นวงจรขึ้นลงของธุรกิจปูนซีเมนต์และพลาสติก รวมถึงความเสี่ยงจากการดำเนินงานโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงขยะ (Refuse-derived Fuel -- RDF) อีกทั้งยังมีข้อจำกัดจากความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของแหล่งเงินกู้ยืม และความเสี่ยงจากการรีไฟแนนซ์
ทริสเรทติ้งยังคงคาดการณ์ว่าผลการดำเนินงานของบริษัทจะค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้น จากการฟื้นตัวของธุรกิจปูนซีเมนต์ รวมถึงกระแสเงินสดที่มีขนาดใหญ่ และแนวโน้มกำไรที่จะดีขึ้นเมื่อโรงไฟฟ้าโรงใหม่ปฏิบัติการได้อย่างเต็มที่ รอบการลงทุนครั้งใหม่น่าจะทำให้โครงสร้างหนี้สินเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งเชื่อว่ากระแสเงินสดที่เพิ่มขึ้นจะสามารถชดเชยผลกระทบดังกล่าวได้ อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินสุทธิของบริษัทต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) คาดว่าจะลดลงอย่างต่อเนื่องเป็น 6 เท่าในช่วง 3 ปีถัดไป
ทริสเรทติ้งเน้นย้ำว่าสถานะสภาพคล่องของบริษัทแสดงให้เห็นถึงการพึ่งพิงหุ้นกู้เป็นอย่างมาก และมีความเสี่ยงในการรีไฟแนนซ์ในปี 2564 เนื่องจากหุ้นกู้ของบริษัทจำนวน 17,200 ล้านบาทจะครบกำหนดชำระในปี 2564 ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งเชื่อว่าผู้บริหารหลักของบริษัท จะดำเนินการเชิงรุกเพื่อปรับทำให้การรีไฟแนนซ์เป็นไปได้อย่างราบรื่น
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต "Positive" หรือ "บวก" สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าสถานะทางการเงินของบริษัทจะดียิ่งขึ้นจากแนวโน้มการฟื้นตัวของธุรกิจปูนซีเมนต์และการเพิ่มขึ้นของสัดส่วนของกระแสเงินสดที่คาดการณ์ได้จากธุรกิจผลิตไฟฟ้า ทริสเรทติ้งคาดว่าความสามารถในการแข่งขันของบริษัทในธุรกิจปูนซีเมนต์และธุรกิจพลาสติกจะยังคงเดิม ในขณะที่ธุรกิจผลิตไฟฟ้าจะมีผลการดำเนินงานที่น่าพอใจต่อไปและยังคงเป็นธุรกิจที่สร้างกระแสเงินสดที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่ม และเมื่อกระแสเงินสดแข็งแกร่งขึ้น อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินสุทธิต่อ EBITDA ของบริษัทก็จะน่าลดลงไปเรื่อยๆ
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
อันดับเครดิตอาจปรับเพิ่มขึ้นหากธุรกิจปูนซีเมนต์ของบริษัทฟื้นตัวและโรงไฟฟ้าสร้างกระแสเงินสดจำนวนมาก รวมถึงบริษัทสามารถลดต้นทุนค่าใช้จ่ายได้ตามแผน การปรับเพิ่มอันดับเครดิตอาจเกิดขึ้นได้หากบริษัทสามารถรักษาอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินสุทธิต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายให้ต่ำกว่า 6 เท่าได้เป็นระยะเวลานาน และบริษัทมีแหล่งการกู้ยืมเงินที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น
อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจปรับลดลงหากสถานะทางการเงินของบริษัทด้อยลงกว่าที่คาดการณ์ไว้ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าที่อ่อนแอกว่าที่คาดการณ์ไว้ และ/หรือบริษัทมีการลงทุนขนาดใหญ่โดยใช้เงินกู้เกินตัว การสูญเสียส่วนทุนจำนวนมากจากคดีความทางกฎหมายที่ดำเนินอยู่ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญซึ่งอาจทำให้อันดับเครดิตปรับลดลงได้เช่นกัน