ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (7 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นแกล็คโซสมิธไคลน์และหุ้นเยลล์กรุ๊ป ส่งผลให้หุ้นดังกล่าวดิ่งลง 7.6% และ 15.2% ตามลำดับ นอกจากนี้ นักลงทุนยังผิดหวังที่ธนาคารกลางอังกฤษประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25%
สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานว่า ดัชนี FTSE ปิดร่วงลง 151.3 จุด หรือ 2.6% แตะระดับ 5,724.1 จุด หลังจากดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดที่ 5,708.8 จุด มีปริมาณการซื้อขาย 2.73 พันล้านหุ้น
ธนาคารกลางอังกฤษประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.25% ซึ่งเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ในรอบ 3 เดือน โดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศให้ขยายตัวต่อไปได้
นายจิมมี ยาเตส นักวิเคราะห์จากซีเอ็มซี มาร์เก็ตส์ กล่าวว่า "นักลงทุนผิดหวังที่ธนาคารกลางอังกฤษลดอัตราดอกเบี้ยลงเพียง 0.25% ไม่ใช่ 0.50% ตามที่คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตาม ผมมองว่าเหตุผลที่ธนาคารกลางไม่ลดดอกเบี้ยลงถึง 0.50% เพราะเกรงว่าจะเกิดภาวะตื่นตระหนกในตลาด"
หุ้นแกล็คโซสมิธไคลน์ซึ่งเป็นผู้ผลิตยารายใหญ่ที่สุดในยุโรปร่วงลง 7.6% หลังจากบริษัทกล่าวว่ากำไรปี 2551 อาจลดลงตามยอดขายยา Avandia ที่ใช้รักษาโรคเบาหวาน
ขณะที่หุ้นแอสตราเซเนกาซึ่งเป็นผู้ผลิตยารายใหญ่ ร่วงลง 2.4% หลังจากบริษัทแรนแบกซี แลบอราทอรีส์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตยาของอินเดียแถลงว่า สหรัฐได้อนุมัติให้แรนแบกซีสามารถขายยาซึ่งเป็นคู่แข่งของยา Nexim ของแอสตราเซเนกา
หุ้นเยลล์กรุ๊ปซึ่งเป็นผู้ผลิตสมุดโทรศัพท์หน้าเหลือง ดิ่งลง 15.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยว่าผลประกอบการปีนี้อาจต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้เนื่องจากการแข่งขันที่ดุเดือดในตลาดอังกฤษ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้เมอร์ริล ลินช์ ประกาศลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นเยลล์กรุ๊ปลงสู่ระดับ 'neutral' จากเดิมที่ระดับ 'buy'
หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง โดยหุ้นธนาคารบาร์เคลย์ส ธนาคารรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อต แลนด์ หุ้น HSBC หุ้นธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด และหุ้นธนาคารลอยด์ส ทีเอสบี ร่วงลงประมาณ 2.1-3.6%
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--