นายคณฆัส จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยเช้านี้น่าจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ตามการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นต่างประเทศที่แกว่งตัวในกรอบแคบเช่นกัน ประกอบกับสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยแม้จะมีแนวโน้มเชิงบวก แต่ก็มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวก ทำให้มองว่านักลงทุนน่าจะเลือกลงทุนหุ้นรายตัวและไม่ไล่ราคาหุ้น ในระหว่างรอดูปัจจัยใหม่ที่จะเข้ามาในช่วง 2 สัปดาห์ข้างหน้า โดยเฉพาะการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 18-19 มิ.ย.นี้
รวมถึงยังรอดูความคืบหน้าของการจัดตั้งรัฐบาลของไทย ในสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดมีความคาดหวังต่อการบริโภคภายในประเทศที่จะดีขึ้น ทำให้มีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องอย่างนิคมอุตสาหกรรม ,ค้าปลีก ,รับเหมาก่อสร้าง และอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งช่วยพยุงตลาดได้บ้าง
ขณะเดียวกันตลาดยังรอดูปัจจัยที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์หน้าทั้งการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และการประชุม G20 ซึ่งคาดว่าจะมีการหารือนอกรอบระหว่างผู้นำของจีนและสหรัฐ ถึงประเด็นข้อพิพาททางการค้าระหว่างกัน
พร้อมให้แนวรับ 1,663-1,660 จุด และแนวต้านที่ 1,683 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (14 มิ.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,089.61 จุด ลดลง 17.16 จุด (-0.07%) ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,796.66 จุด ลดลง 40.47 จุด (-0.52%) และ ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,886.98 จุด ลดลง 4.66 จุด (-0.16%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 21.93 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนลดลง 1.55 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 134.10 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 35.97 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 3.70 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 12.38 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.30 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 1.58 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (14 มิ.ย.62) 1,672.33 จุด ลดลง 1.81 จุด (-0.11%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 369.56 ล้านบาท เมื่อวันที่ 14 มิ.ย.2562
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (14 มิ.ย.62) ปิดที่ 52.51 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 23 เซนต์ หรือ 0.4%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (14 มิ.ย.62) ที่ 3.20 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.24 อ่อนค่าหลังดอลล์แข็งรับยอดค้าปลีกสหรัฐฯออกมาดี จับตาประชุมเฟดกลางสัปดาห์-การจัดตั้งครม.
- คลังฟันธงไตรมาส 2 เศรษฐกิจภาคเกษตรสดใส เหตุเข้าสู่ช่วงเพาะปลูก มองยาวครึ่งปีหลังเติบโตได้ดีขึ้น ด้านกรมการค้าภายในเล็งขึ้นทะเบียน"เครื่องชั่งรถยนต์"ทั่วประเทศ พร้อมซอฟต์แวร์ ป้องกันตุกติกเอาเปรียบเกษตรกร ขณะที่ ส.อ.ท.แนะอุตสาหกรรมไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และโทรคมนาคมปรับตัวรับมือ'สึนามิเทคโนโลยี'ที่เริ่มส่งผลกระทบส่งออกของไทยลดลงในหลายตลาดทั่วโลก แนะพัฒนาให้สินค้าประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมตามกระแสนิยม
- หอการค้าไทยชงรัฐบาลใหม่แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางรายได้ จี้คุมธนาคารพาณิชย์คิดดอกเบี้ยเงินกู้รายเล็ก-ใหญ่เท่ากัน ทบทวนภาษีที่ดินใหม่ และประกันรายได้เกษตรกรเพื่อความมั่งคั่ง
- ผู้อำนวยการ สศค.ระบุการจัดทำงบประมาณปี 63 ที่ออกล่าช้าไป 3 เดือน จากเดิม ต.ค.62 เป็น ม.ค.63 ทำให้ไม่มีเม็ดเงินลงไปกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจไตรมาส 1 ของปีงบประมาณ 63 ได้รับผลกระทบราว 7-8 หมื่นล้านบาท ดังนั้น สศค.จึงต้องหาวิธีมาชดเชย คือ เร่งรัดการเบิกจ่ายงบประจำปี อาทิ นำงบอบรมพัฒนาข้าราชการ เร่งรัดเบิกจ่ายโครงการใตรมาส 2 หรือ 3 มาเบิกจ่ายในไตรมาสแรกเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่นโยบายที่พรรคร่วมรัฐบาลหาเสียงไว้คาดว่าจะถูกนำมาเป็นนโยบายรัฐบาลใหม่ และนำมาใช้เป็นส่วนหนึ่งในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งเท่าที่ประเมินคาดว่าใช้เงินเพิ่มเติมไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท เบื้องต้นทราบมาว่าสำนักงบประมาณเตรียมพร้อมเงินไว้แล้ว
- TDRI เผยผลศึกษาโครงสร้างค่าโดยสารรถไฟฟ้า ขณะนี้ได้ส่งให้กรมการขนส่งทางบกไปแล้ว โดยเบื้องต้นเห็นว่าราคาค่าโดยสารที่เหมาะสมตามสภาพเศรษฐกิจและกำลังการซื้อคือ 30-40 บาท เพื่อให้ผู้มีรายได้น้อยเข้าถึงได้ด้วย และการยกเลิกค่าแรกเข้าเมื่อเชื่อมต่อระบบขนส่งมวลชนสาธารณะถือเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลยังไม่สามารถเชื่อมต่อระบบตั๋วร่วม (Common Ticket) ให้เข้ากับทุกระบบการเดินทางได้
*หุ้นเด่นวันนี้
- COM7 (กสิกรไทย) แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 23.50 บาท รายได้ในไตรมาส 1/62 ดีกว่าที่คาด ทำให้ประเมินกำไรจเติบโตแข็งแกร่ง 27% ในปี 62 ด้วยแรงหนุนยอดขายที่แข็งแกร่งของสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์เสริม และอัตรากำไรจากการดำเนินงานที่โตขึ้น จากความประหยัดต่อขนาด (economies of scale) ที่สูงขึ้น ทั้งนี้ คาดว่ากำไรไตรมาส 2/2562 จะเติบโตแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง YoY และ QoQ
- PTTEP (เคทีบีฯ) แนะ"ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 139 บาท อิง DCF (WACC 9%, TG 0%) และยังมี Upside จาก Murphy 5-9 บาท มีมุมมองเป็นบวกสำหรับโครงการ Mozambique นี้ด้วย Cost ที่ competitive เชื่อว่าจะสามารถสร้าง NPV ที่เป็นบวกได้ ปัจจุบัน PTTEP มีสัดส่วนในการถือหุ้นอยู่ราว 8.5% ในระยะสั้นยังไม่มีผลต่อประมาณการ และบริษัทมีกระแสเงินสดเพียงพอลงทุน คาด FID ได้ภายใน H1/62 มีสัญญาการซื้อขาย LNG แล้วกว่า 11 ล้านตัน/ปี จะเริ่มรับรู้รายได้ในปี 67 และ Full Operate ใน Phase 1 ที่ 12 ล้านตัน/ปี ในปี 68 ระยะสั้นราคาน้ำมันอาจจะปรับขึ้นต่อได้จาก ความตึงเครียดช่องแคบฮอร์มุซ
- SEAFCO (ฟินันเซีย ไซรัส) แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 10.20 บาท คาดกำไร Q2/62 โตสูง Y-Y จากงานก่อสร้างต่อเนื่องทั้งรถไฟฟ้า One Bangkok เฟส 4 และ Bangkok Mall โดย Backlog สิ้นเดือน พ.ค.มี 2.13 พันล้านบาท secure ประมาณการรายได้ปีนี้ทั้งหมดแล้ว งานที่จะได้รับหลังจากนี้เป็น upside ต่อประมาณการทั้งสิ้น โดยอยู่ระหว่างประมูลอีก 2.9 หมื่นลบ. และเป็นงานที่มี potential เช่น ทางด่วนพระราม 3-ดาวคะนอง, รถไฟความเร็วสูง ซึ่ง CK ที่เป็นพันธมิตรของ SEAFCO เป็นผู้ชนะทั้ง 2 งาน กำไรที่คาดปีนี้ +2% Y-Y เป็น 375 ล้านบาท จึงมีโอกาสดีกว่าคาด