นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. นอร์ทอีส รับเบอร์ (NER) เปิดเผยถึง ราคายางที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นว่า บริษัทได้รับผลดีเป็นอย่างมาก เนื่องจากช่วงนี้ลูกค้ามีการสั่งสินค้าเป็นจำนวนมาก เพราะได้มีการประเมินว่าราคายางอาจจะปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่านี้ แต่ทางบริษัทก็ยังคงขายสินค้าปกติตามสินค้าที่มีอยู่ ซึ่งหากทิศทางราคายางยังมีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผลประกอบการของบริษัทจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
สำหรับสาเหตุที่ราคายางมีการปรับตัวเนื่องจาก ราคายางมีการปรับตัวตามตลาดล่วงหน้าต่างประเทศที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง อันมีผลมาจากความต้องการใช้ยางแผ่นรมควันในอุตสาหกรรมการผลิตของประเทศญี่ปุ่นที่มีปริมาณเพิ่มขึ้น และความต้องการในการขายยางแผ่นรมควันลดลงในช่วงปิดการกรีดยาง ประกอบกับการยางแห่งประเทศไทยได้ใช้มาตรการรักษาเสถียรภาพราคายางในช่วงที่ผ่านมาด้วยการเข้าไปประมูลยางแผ่นรมควันเพื่อดูดซับอุปทานส่วนเกินในตลาดกลางยางพาราทั้ง 3 แห่งของการยางแห่งประเทศไทย ทำให้อุปทานส่วนเกินลดลง
สำหรับแผนงานปี 2562 บริษัทจะมีรายได้อยู่ที่ 1.35 หมื่นล้านบาท โดยไตรมาส 2/2562 บริษัทจะมีรายได้ดีขึ้นกว่าไตรมาส 1/2562 จากออร์เดอร์ที่เข้ามาต่อเนื่อง โดยสัดส่วนการขายของบริษัท แบ่งเป็นในประเทศ 40% และต่างประเทศ 60% โดยออร์เดอร์หลักของต่างประเทศยังเป็นลูกค้าจากประเทศจีน ซึ่งมีสัดส่วนถึง 60% ของยอดขายในต่างประเทศ ซึ่งสาเหตุหลักมาจากสถานการณ์สงครามการค้า
"ในไตรมาส 2/2562 เป็นต้นไปบริษัทจะมีกำลังการผลิตเพิ่ม 60,000 ตัน/ปี จากยางแผ่นผสม (RSS Mixtures Rubber) หลังจากมีการปรับปรุงโรงงานเสร็จแล้วและได้ดำเนินการผลิตแล้ว จะทำให้บริษัทมีกำลังการผลิตรวมทั้งปีประมาณ 2.6 แสนตัน/ปี ขณะเดียวกันในไตรมาส 4/62 โรงงานใหม่จะเสร็จ ซึ่งมีกำลังการผลิตเพิ่มมาอีก 1.7 แสนตัน ส่งผลให้คาดว่าในช่วงต้นปี 2563 บริษัทจะมีกำลังการผลิตราม 4.6 แสนตัน" นายชูวิทย์ กล่าว