น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก (GBS) กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยตอบรับปัจจัยบวกจากในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะการรายงานดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือน พ.ค.ปรับเพิ่มขึ้นจากยอดคำสั่งซื้อ ยอดขาย ปริมาณการผลิต และผลประกอบการ โดยคาดว่าจะเห็นรัฐบาลใหม่เร่งรัดลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่ช่วยเอื้อต่อการลงทุนจากต่างประเทศและช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัว รวมทั้งนักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจีนอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยหรือปรับลดอัตราสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) เร็วๆ นี้ เพื่อรับมือภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว
ส่วนปัจจัยลบที่ยังคงกดดันตลาดหุ้นไทยมาจากการระงับข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนยังไม่มีความชัดเจน ขณะที่ รมว.พาณิชย์สหรัฐคาดประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน อาจไม่มีการทำข้อตกลงการค้าในการประชุม G20 และอินเดียประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ 28 รายการมีผล 16 มิ.ย. เพื่อตอบโต้การที่สหรัฐตัดตัดสิทธิพิเศษทางการค้า (GSP) ทำให้มีความกังวลต่อสถานะของประเทศไทยเนื่องจากใช้สิทธิ GSP สูงเป็นอันดับ 2 ของเอเชียรองจากอินเดีย ส่วนปัจจัยลบในประเทศมาจากปัจจัยการเมืองที่การจัดตั้งครม.ชุดใหม่ยังไม่ลงตัวและคาดจะมีคะแนนเสียงข้างมากไม่มาก
นอกจากนี้ ยังคงต้องจับตาวันที่ 18 มิ.ย.นี้ ทางสหภาพยุโรป (อียู) เปิดเผยดุลการค้าเดือน เม.ย. อัตราเงินเฟ้อเดือน พ.ค. และความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือน มิ.ย. ขณะที่สหรัฐ เปิดเผยตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้าง พ.ค. , วันที่ 19 มิ.ย. ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ 4/2562 รวมทั้ง กสทช.เปิดรับคำขอใบอนุญาตคลื่นความถี่ 700 MH และสหรัฐ เปิดเผยสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) แถลงมติอัตราดอกเบี้ย
ด้านนายสรรพกัณฑ์ ปัมทบริสุทธิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยยังมีแนวโน้มผันผวน ซึ่งนักลงทุนควรรอฟังความชัดเจนของนโยบายการเงินจากการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คาดดัชนี SET จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1,660-1,693 จุด โดยแนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้น Theme EEC play เช่น AMATA, WHA, WHAUP, WHART, EASTW, ATP30, ORI รวมทั้งหุ้นที่คาดว่าจะเข้าคำนวณดัชนี SET50 เช่น SAWAD, OSP, VGI คาดจะประกาศกลางเดือน มิ.ย.นี้
สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า สัปดาห์นี้ติดตามการประชุมเฟด โดยตลาดเชื่อว่าจะยังไม่มีการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย แต่คาดหวังให้ประธานเฟดส่งสัญญาณหรือระบุถึงโอกาสในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในอนาคตอันใกล้นี้ ซึ่งในกรณีที่แนวโน้มดอกเบี้ยของสหรัฐฯกำลังจะเข้าสู่ขาลง คาดว่าเงินดอลลาร์จะปรับแข็งค่าต่อ และเงินทุนจะไหลเข้าเก็งกำไรสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น
แต่ถ้าเป็นกรณีที่เฟดยืนยันว่าจะคงดอกเบี้ยไปตลอดทั้งปีนี้ คาดว่าราคาทองคำจะได้แรงหนุนจากความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ้น เนื่องจากเศรษฐกิจโลกยังตกอยู่ภายใต้แรงกดดันจากภาวะสงครามการค้าที่ไม่สามารถคาดการณ์ผลลัพธ์ได้ จึงประเมินกรอบราคาทองคำสัปดาห์นี้อยู่ระหว่าง 1,330-1,360 ดอลลาร์ และแนะนำกลยุทธ์การลงทุนเป็นเก็งกำไรระยะสั้นในกรอบดังกล่าว