น.ส.รื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ก.ล.ต.ได้รับเรื่องร้องเรียน และขอข้อมูลเกี่ยวกับคริปโตเคอเรนซี (Cryptocurrency) เข้ามาทาง ก.ล.ต.จำนวนมาก ซึ่งเบื้องต้นพบเบาะแสมีจำนวน 43 เรื่อง ทั้งเกี่ยวข้องโดยตรง และทางอ้อม เช่น แชร์ลูกโซ่ ที่ใช้คริปโตเคอร์เรนซีเป็นตัวดึงดูด, การชักชวน, การให้บริการเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลที่เข้าข่ายหลอกลวง
ดังนั้น ก.ล.ต.จึงได้จัดตั้งคณะทำงาน (วอร์รูม) เพื่อปรามปราม ยับยั้ง เกี่ยวกับการกระทำผิดพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ.2561 และเปิดคลินิกให้คำปรึกษา แนะนำข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับคริปโตเคอร์เรนซี เช่น การประกอบธุรกิจ, การแลกเปลี่ยนคริปโตเคอเรนซี, นายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ และตัวแทนจำหน่าย เป็นต้น โดยจะให้คำปรึกษาตลอด 24 ชั่วโมง และดำเนินการตรวจสอบในทันที รวมทั้งประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ช่วงที่ผ่านมา ก.ล.ต.ได้ให้ใบอนุญาตแก่ผู้ที่ต้องการเป็นไอซีโอพอร์ทัล หรือผู้คัดกรองการออกไอซีโอ (ICO) แล้วจำนวน 3 ราย ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบระบบ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ภายในปีนี้ ขณะที่มีผู้ที่สนใจเป็นไอซีโอพอร์ทัลเพิ่มเติมอีกราว 10 ราย ซึ่งหลังจากที่ไอซีโอพอร์ทัลมีความชัดเจน การระดมทุนหรือการออกไอซีโอ ก็น่าจะเริ่มดำเนินการได้ โดยปัจจุบันมีผู้ที่สนใจออกไอซีโอแล้วมากกว่า 10 ราย
ขณะที่ล่าสุดวันนี้ ก.ล.ต. ร่วมกับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยเรื่องความร่วมมือและช่วยเหลือสนับสนุนในการตรวจพิสูจน์พยานหลักฐานทางด้านนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อการบังคับใช้กฎหมายกับผู้ที่กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 และกฎหมายอื่นที่อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของ ก.ล.ต. ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เนื่องจากปัจจุบันการกระทำผิดในตลาดทุนมีความซับซ้อนและยากต่อการหาพยานหลักฐาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลักฐานอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งต้องอาศัยความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน อย่างไรก็ตามหลังจากลงนามความร่วมมือดังกล่าวแล้ว จะช่วยเพิ่มน้ำหนักในการตรวจสอบและเป็นที่ยอมรับมากขึ้น
นอกจากนั้น ภายในสัปดาห์หน้า ก.ล.ต.จะเข้าพบผู้บริหารสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ ( United Nations Office on Drugs and Crimes - UNODC) ประจำประเทศไทย เพื่อขอเข้าร่วมป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ซึ่งปีหน้าจะมีการประชุมใหญ่ "Crime congress 2020" และก.ล.ต.ต้องการมีส่วนร่วมในส่วนของ Financial Crime ซึ่งจะสร้างความหน้าเชื่อถือของตลาดทุนไทย