นางจิตเกษม หมู่มิ่ง ผู้อำนวยการใหญ่สายการเงิน บมจ.วี จี ไอ โกลบอล มีเดีย (VGI) เปิดเผยว่า บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) ได้ทำรายการขายบิ๊กล็อตหุ้น VGI เนื่องจากมีความจำเป็นต้องใช้เงินลงทุนในการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสีชมพูและสายสีส้ม ซึ่งในแง่ของ VGI ไม่ได้มีผลกระทบในแง่ลบ เพราะมองว่าเป็นผลดีที่จะช่วยให้หุ้น VGI มีสภาพคล่องของการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์มากขึ้น และจะเป็นการเปิดโอกาสให้นักลงทุนสถาบันต่างชาติเข้ามาถือหุ้นของบริษัทเพิ่มมากขึ้นด้วย
"การที่ BTS ขายหุ้นออกมานั้นจริงๆก็ไม่ทราบถึงสาเหตุจริงๆ คงต้องถามทาง BTS เอง แต่คิดว่าต้างการขายเพื่อที่จะนำเงินไปขยายการลงทุนโครงการรถไฟฟ้าที่ทำอยู่หลายๆสาย เช่นสายสีชมพู และสายสีส้ม ซึ่งมองเป็นผลดีมากกว่าร้าย เพราะจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับหุ้น VGI ด้วย"นางจิตเกษม กล่าว
สำหรับภาพรวมรายได้งวดปี 62/63 (1 เม.ย.62 –31 มี.ค.63) คาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 6,000-6,200 ล้านบาท หรือเติบโต 20% จากงวดปีก่อนที่มีรายได้ 5,362 ล้านบาท โดยจะมาจากรายได้ธุรกิจสื่อโฆษณา ราว 4,400 ล้านบาท ซึ่งเติบโตจากธุรกิจสื่อนอกบ้านที่มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบป้ายโฆษณาให้เป็นดิจิทัลเพื่อเพิ่มอัตราการใช้พื้นที่โฆษณาให้มากขึ้น
ส่วนที่เหลือมาจากการให้บริการดิจิทัลเซอร์วิส จำนวน 1,800 ล้านบาท จากการให้บริการบัตรแรบบิท หลังจากที่ร่วมกับผู้ประกอบการในธุริกิจอื่นๆ รับชำระธุรกรรมทางเงิน รวมไปถึงจะเริ่มรับรู้รายได้จากการพัฒนาธุรกิจร่วมกันกับ PLANB ด้วยการดึงดูดเม็ดเงินค่าโฆษณาจากสื่อโทรทัศน์ได้ประมาณ 200-400 ล้านบาท จากมูลค่าตลาดธุรกิจสื่อโฆษณาโทรทัศน์ในปัจจุบันจำนวน 60,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทคาดว่าจะสามารถรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในการติดตั้งสื่อโฆษณาในโครงการรถไฟฟ้าที่ประเทศอินโดนีเซีย หลังจากที่โครงการรถไฟฟ้าดังกล่าวจะเริ่มให้บริการภายในปีนี้
ขณะที่บริษัทวางงบลงทุนราว 700 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นการลงทุนของ VGI จำนวน 400 ล้านบาทเพื่อติดตั้งจอทีวีภายในรถไฟฟ้าของ BTS จำนวน 46 ขบวน รวมถึงติดตั้งจอภายในอาคารสำนักงาน และอีกจำนวน 50ล้านบาท ซึ่งเป็นการลงทุนของ บมจ.มาสเตอร์ แอด (MACO) โดยจะปรับปรุงป้ายเก่าและติดตั้งใหม่ในบริเวณตอม่อรถไฟฟ้า BTS ส่วนอีก 200 ล้านบาทจะใช้ในธุรกิจดิจิทัลเซอร์วิสขยายบริการและปรับปรุงระบบซอฟต์แวร์
นางจิตเกษม กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า บริษัทยังเตรียมเข้าประมูลพื้นที่สื่อโฆษณาในโครงการรถไฟฟ้าใต้ดินที่ประเทศสิงคโปร์ ร่วมกับพันธมิตรในกลุ่มและพันธมิตรท้องถิ่น คาดว่าจะรู้ผลการประมูลได้ภายในสิ้นปี 62
ขณะที่บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการนำ บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ หลังจากที่ทางบริษัท เคอรี่ที่ฮ่องกงมีแผนที่จะ spin-off โดยปัจจุบันยังอยู่ระหว่างรอความชัดเจน