นางสาวพิชามน จิตรเป็นธรรม ผู้อำนวยการ-ธุรกิจสินเชื่อบุคคล บมจ.บัตรกรุงไทย (KTC) เปิดเผยว่า แนวโน้มสินเชื่อส่วนบุคคลของธนาคารในช่วงครึ่งหลังปีนี้คาดว่าจะขยายตัวสูงกว่าครึ่งปีแรก ซึ่งคาดว่ายอดคงค้างของสินเชื่อส่วนบุคคลในช่วงครึ่งปีหลังจะขยายตัวได้กว่า 10% มากกว่าครึ่งปีแรกที่คาดว่าจะเติบโตได้ 8% เนื่องจากตามปกติในช่วงครึ่งปีหลังจะมีความต้องการใช้สินเชื่งส่วนบุคคลเพื่อการจับจ่ายใช้สอยเป็นจำนวนมาก
โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 4 ที่เป็นช่วงที่มีความต้องการใช้สินเชื่อส่วนบุคคลเพิ่มสูงขึ้นมาก เนื่องจากในเดือนต.ค.จะเป็นช่วงเปิดเทอมที่ผู้ปกครองต้องมีความต้องการใช้เงินในการจ่ายค่าเทอมให้บุตรหลาน และยังมีวันหยุดเทศกาลต่าง ๆ ที่ต้องมีการจับจ่ายใช้สอยกันมาก และบริษัทมั่นใจว่าการขยายตัวของสินเชื่อส่วนบุคคลในปีนี้จะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ 10% โดย ณ สิ้นไตรมาส 1/62 บริษัทมียอดสินเชื่อส่วนบุคคลคงค้างอยู่ที่ 9.67 แสนล้านบาท
ขณะเดียวกัน บริษัทยังคงเดินหน้าการขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลังจะหันมาเน้นขยายฐานลูกค้ากลุ่มที่มีความต้องการใช้สินเชื่อส่วนบุคคลที่มีวัตถุประสงค์มากขึ้น เช่น กลุ่มลูกค้าที่ต้องการเบิกใช้สินเชื่อส่วนบุคคลเพื่อการศึกษา ที่ได้ทำมาก่อนหน้านี้ และเตรียมที่จะขยายไปที่กลุ่มลูกค้าที่ต้องการใช้สินเชื่อส่วนบุคคลเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล โดยจะออกแคมเปญและโปรโมชั่นมาให้ตรงกับวัตถุประสงค์ของลูกค้าในแต่ละกลุ่ม เพื่อทำให้การใช้สินเชื่อของลูกค้าเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของลูกค้าจริง ๆ มากขึ้น ซึ่งบริษัทต้องการเพิ่มสัดส่วนของกลุ่มลูกค้าใช้สินเชื่อส่วนบุคคลตามวัตถุประสงค์เป็น 10% ภายในสิ้นปีนี้ จากปัจจุบันอยู่ที่ 5%
สำหรับเป้าหมายการขยายฐานลูกค้าใหม่ของกลุ่มสินเชื่อส่วนบุคคลในปีนี้บริษัทตั้งไว้ที่ 177,000 บัญชี ซึ่ง 5 เดือนที่ผ่านมาขยายฐานลูกค้าใหม่ได้แล้ว 60,000 บัญชี อย่างไรก็ตามบริษัทมองว่าหลักเกณฑ์การควบคุมสินเชื่อส่วนบุคคลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่กำหนดให้มีบัตรได้ไม่เกิน 3 บัตร/รายนั้น ส่งผลกระทบและสูญเสียโอกาสในการหาลูกค้าใหม่ โดยเบื้องต้นจากการประเมินของบริษัท พบว่าทำให้ลูกค้าใหม่ลดลงราว 5-10% ซึ่งใกล้เคียงกับอุตสาหกรรมที่ลดลงในระดับเดียวกับบริษัท
ด้านสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของสินเชื่อส่วนบุคคลในปี 62 บริษัทจะควบคุมให้อยู่ในระดับ 0.78% ใกล้เคียงกับ ณ สิ้นไตรมาส 1/62 ซึ่งลดลงจากปีก่อนที่อยู่ระดับ 0.82% โดยที่แนวโน้ม NPL ของสินเชื่อส่วนบุคคลของบริษัทมีแนวโน้มที่ลดลงหรือทรงตัว จากการที่กลุ่มลูกค้ามีความสามารถในการชำระหนี้ที่ดีขึ้น ประกอบกับการให้โปรโมชั่นดอกเบี้ยพิเศษกับลูกค้า ทำให้ลูกค้ายังสามารถชำระคืนหนี้ได้ตามปกติ และมีความเสี่ยงเกิดหนี้เสียลดลง ทำให้ NPL สินเชื่อส่วนบุคคลของบริษัทต่ำกว่าอุตสาหกรรมที่อยู่ระดับ 3.49%
นางสาวพิชามน กล่าวว่า แผนการตลาดธุรกิจสินเชื่อบุคคลในช่วงครึ่งปีหลังนี้ รุกธุรกิจเข้มข้นขึ้น ด้วยการมุ่งเน้นคุณภาพลูกหนี้และการเติบโตอย่างยั่งยืนบน 4 แกนหลักคือ มุ่งปล่อยสินเชื่อที่มีวัตถุประสงค์เจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ , รักษาและผูกสัมพันธ์ระยะยาวกับฐานสมาชิก ,พัฒนาคุณสมบัติและบริการสินเชื่อ "เคทีซี พราว" ตอบสนองพฤติกรรมผู้บริโภคที่ชอบความสะดวก รวดเร็วในยุคดิจิทัล และสร้างการมีส่วนร่วมกับลูกค้า (Customer Engagement) เพื่อเข้าถึงตัวตนที่แท้จริงของกลุ่มเป้าหมาย
สำหรับแนวทางการให้สินเชื่อที่มีวัตถุประสงค์นั้น บริษัทจะมุ่งขยายความร่วมมือกับธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโตสูงและมีความต้องการในตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยได้นำร่องเปิดตัวสินเชื่อเพื่อการศึกษา (Education Loan) ร่วมกับสถาบันสอนภาษา 4 สถาบัน รวม 44 สาขา ได้แก่ วอลล์สตรีท อิงลิช (Wall Street English) แชมป์ อิงริช (Champ EngRish) แลงเกวจ เอ็กซ์เพรส (Language Express) และอินสไปร์ อิงลิช (Inspire English) เพื่อให้สินเชื่อกับสมาชิกที่ต้องการเงินทุนเพื่อเพิ่มศักยภาพความรู้กับสถาบันที่เข้าร่วมโครงการ
ทั้งนี้ จากการสำรวจพฤติกรรมของผู้บริโภคในฐานข้อมูลบริษัทพบว่า กลุ่มลูกค้าที่ต้องการพัฒนาตนเองเพื่อสร้างความก้าวหน้าในอาชีพมีแนวโน้มเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ และกลุ่มคนเหล่านี้ยังมีเกณฑ์ที่รายได้จะสูงขึ้นในอนาคต การเพิ่มปริมาณลูกค้าในกลุ่มนี้จึงนอกจากจะส่งผลดีกับค่าเฉลี่ยการใช้วงเงินสินเชื่อโดยรวมของบริษัทแล้ว การกู้ยืมแบบมีวัตถุประสงค์ยังเป็นที่มั่นใจได้ว่า พฤติกรรมการชำระคืนของผู้บริโภคกลุ่มนี้จะมีวินัยมากกว่าการกู้ยืมแบบทั่วไป ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนให้กับเคทีซีในระยะยาว นอกจากนี้บริษัทมีแผนจะขยายจำนวนพันธมิตรในกลุ่มธุรกิจการศึกษาให้มากขึ้น รวมทั้งจะมีการออกสินเชื่อเพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ ออกมาเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง