นายนพวงศ์ โอมาธิกุล รองประธานเจ้าหน้าที่สายการเงินและบริหารองค์ บมจ.ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ (WP) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมพิจารณาเกี่ยวกับการจ่ายเงินปันผลงวดปี 62 ให้กับผู้ถือหุ้น หลังบริษัทสามารถล้างขาดทุนสะสมได้ตั้งแต่ไตรมาส 1/62 ที่ผ่านมา และกลับมามีกำไรสะสมราว 11 ล้านบาทแล้ว ตั้งแต่ไตรมาส 1/62 จากสิ้นปีก่อนที่ขาดทุนสะสม 58 ล้านบาท ทำให้บริษัทเล็งเห็นว่าจะต้องกลับมาจ่ายเงินปันผล เพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้น หลังจากที่ไม่ได้จ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นมากว่า 10 ปี จากก่อนหน้าการควบรวมบริษัทเดิมที่ใช้ชื่อว่าบมจ.ปิกนิก คอร์ปอเรชั่น (PICNI) ซึ่งมีปัญหาขาดทุนมาอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ในช่วงเดือนก.ค.บริษัทจะมีการบันทึกกำไรพิเศษจากการขายที่ดินย่านเจริญราษฏร์ ซึ่งมีการประมูลและได้ผู้ชนะการประมูลแล้ว โดยจะมีการโอนที่ดินในช่วงเดือนก.ค.ที่จะถึงนี้ ซึ่งมูลค่าประมูลอยู่ที่ 130 ล้านบาท สูงกว่าราคาต้นทุนที่ 60 ล้านบาท ทำให้บริษัทจะมีกำไรพิเศษเข้ามาหนุนผลการดำเนินงานในปีนี้ ขณะที่บริษัทต้งเป้าหมายปริมาณการขายก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ในปีนี้เติบโต 2-3% มาอยู่ที่ 840,000 ตัน จากปีก่อนที่ 817,000 ตัน โดยในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ทำได้แล้ว 250,000 ตัน และปริมาณขายจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ซึ่งเป็นไปภาวะปกติของธุรกิจ โดยมีสัดส่วนปริมาณขายสำหรับลูกค้ากลุ่มครัวเรือนอยู่ที่ 56% กลุ่มลูกค้ารถยนต์ 23% กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม 11-12% และอื่น ๆ 9%
สำหรับการลงทุนของบริษัทในปัจจุบันได้มีการลงทุนก่อสร้างคลัง LPG บางประกง เฟส 3 ความจุ 9,500 ตัน เงินลงทุนรวม 500 ล้านบาท ซึ่งจะแล้วเสร็จในปี 63 ซึ่งจะทำให้บริษัทมีขีดความสามารถในการจัดเก็บ LPG เพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 20,000 ตันจากคลังที่มีอยู่ทั้งหมดทั่วประเทศ
นอกจากนี้บริษัทยังเตรียมที่จะเข้าซื้อโรงงานผลิตและซ่อมถังแก๊สในประเทศ มูลค่าลงทุนไม่เกิน 100 ล้านบาท โดยเตรียมนำเรื่องดังกล่าวเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทภายในไตรมาส 3/62 นี้ และคาดว่าจะปิดดีลได้ภายในไตรมาส 4/62 ซึ่งการเข้าซื้อโรงงานผลิตและซ่อมถังแก๊สจะทำให้บริษัทประหยัดต้นทุนได้ราว 20% หรือราว 10 ล้านบาท/ปี และเป็นการต่อยอดธุรกิจ ทำให้บริษัทสามารถมีโรงงานผลิตถังแก๊สเป็นของตัวเอง โดยที่ปัจจุบันบริษัทมีถังแก๊สในตลาดราว 6-7 ล้านใบ และมีส่วนแบ่งตลาดก๊าซหุงต้มเป็นอันดับที่ 2 สัดส่วน 18%
นายนพวงศ์ กล่าวว่า บริษัทยังมองไปถึงการแตกไลน์ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน โดยเฉพาะในกลุ่มของพลังงานทดแทน อย่างเช่น พลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์ ซึ่งจะเป็นลักษณะการขายไฟฟ้าให้กับภาคเอกชนและรับจ้างติดตั้ง (EPC) โดยอาจจจะร่วมกับพันธมิตรที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวข้องกับ EPC เพื่อเสริมความชำนาญในการต่อยอดธุรกิจ โดยที่ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการศึกษาและการเจรจากับพันธมิตร ส่วนการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศยังคงมีการศึกษาแต่ยังชะลอการลงทุนไปก่อน เนื่องจากบริษัทไม่เร่งรีบการขยายธุรกิจมากนัก หลังจากสามารถกลับมาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯได้เพียง 1 ปี แม้ว่าบริษัทจะมีกระแสเงินที่เพียงพอ แต่บริษัทอยากให้การขยายธุรกิจเป็นอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อลดความเสี่ยงต่าง ๆ และเน้นการขายในประเทศเป็นหลัก เพราะราคา LPG ในประเทศไทยถือว่ามีความผันผวนน้อยกว่าราคา LPG ในตลาดโลก
สำหรับปีนี้บริษัทยังได้ให้การสนับสนุนรายการ Celeb Chef Thailand ภายใต้ความร่วมมือกับสถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในฐานะผู้สนับสนุนเรื่ององค์ความรู้ด้านอาหาร และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ซึ่งจะสนับสนุนด้านการแนะนำสถานที่และวัตถุดิบท้องถิ่น รูปแบบของรายการ Celeb Chef Thailand ถือว่ามีความสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของบริษัทในหลายๆด้าน เนื่องจากเป็นรายการที่ช่วยพัฒนาศักยภาพให้กับบุคลากรในวงการอาหารในประเทศไทย และยกระดับวงการอาหารไทยอย่างมั่นคงและยั่งยืน ทั้งยังเป็นการสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงอาหารในประเทศไทย สอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐด้วย