บมจ.สยามสหบริการ(SUSCO)ตั้งเป้าปี 51 ยอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 1 หมื่นล้านบาท เติบโต 10% จากปี 50 มองค่าการตลาดเฉลี่ยทั้งปีน่าจะอยู่ที่ 1.50 บาท/ลิตร และอัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้นมาที่ 5% ซึ่งน่าจะทำให้ผลประกอบการของบริษัทในปีนี้ปรับตัวดีขึ้นจากปีก่อนที่มีค่าการตลาดต่ำกว่า 1 บาท/ลิตร คาดหวังมีกำไรทั้งปี 50-51 พร้อมเดินหน้าขยายปั๊มน้ำมันให้ครบ 200 แห่งตามเป้าหมายภายในปีนี้ หลังซื้อปั๊ม TPI มาบริหาร
"ทุกอย่างปรับขึ้นไปหมดแล้ว ทั้งค่าแรงขึ้น ค่าไฟ ต้นทุนธุรกิจปรับขึ้นทั้งหมด แต่มองค่าการตลาดควรจะอยู่ที่ 1.50 บาท/ลิตร ถ้าจะให้โอเปอเรทอยู่กันได้ ผู้บริโภคก็รับได้ แต่ช่วงที่ผ่านมาไม่ถึง 1 บาท ปีที่แล้วมีบางช่วงติดลบด้วยโดยเฉพาะพ.ย.-ธ.ค.แย่มากค่าการตลาดติดลบ และมีบางช่วงเหลือ 0.20-0.30 บาทเกือบทั้งเดือน"นายชัยฤทธิ์ สิมะโรจน์ กรรมการผู้จัดการ SUSCO กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
SUSCO คาดว่าปี 50 จะมีรายได้เกือบ 9,000 ล้านบาท ค่าการตลาดเฉลี่ยประมาณ 0.70-0.80 บาท/ลิตร อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ประมาณ 2-3% ณ สิ้นปีมีปั๊มน้ำมันกว่า 180 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งในช่วง 9 เดือนปี 50 มีกำไรสุทธิแล้ว 23.09 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปี 49 ที่ขาดทุน 15.71 ล้านบาท เนื่องจากปริมาณการขายน้ำมันและค่าการตลาดเฉลี่ยต่อลิตรเพิ่มขึ้น
"ปี 50 ปี 51 อยากเป็นกำไรแต่ช่วงนี้ซึมกันไปหมด...ค่าการตลาดเพิ่งจะเป็น 1 บาทกว่า เมื่อ 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ต้องดูทั้งไตรมาส ซึ่งจริงๆแล้วผู้ค้าอยากให้น้ำมันนิ่ง แต่ทุกวันนี้ยังผันผวนบางวันขึ้น ยิ่งกว่าหุ้นอีก เราก็อิงผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ด้วยต้องตามตลาดตลอดเวลา"นายชัยฤทธิ์กล่าว
นายชัยฤทธิ์ กล่าวว่า ในแง่กำไรสุทธิคาดว่าถ้าค่าการตลาดทรงตัวอยู่ระดับดีกว่าปีที่แล้วผลประกอบการก็น่าจะดีขึ้น สำหรับปริมาณจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันในประเทศปีนี้ตั้งเป้าว่าไม่ลดลงจากปีก่อน แต่ในช่วง 1-2 เดือนนี้ปริมาณการบริโภคน้ำมันลดลงไปบ้าง เพราะราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นมา หากราคาอ่อนตัวลงก็เชื่อว่าการบริโภคน้ำมันจะดีขึ้นตามมา
"ตอนนี้ได้แต่บริหารต้นทุนเราให้ดีที่สุดและประหยัดค่าใช้จ่าย ตรงมาร์จินเรา control ไม่ได้อยู่แล้วแต่เราก็พยายามทำตัวเราให้ดีและปรับปรุงปั๊มของเราไปเนื่องจากราคาน้ำมันผันผวนมาก"นายชัยฤทธิ์ กล่าว
แนวโน้มราคาเบนซิน 95 ในปีนี้น่าจะถอยลงมาต่ำกว่า 30 บาท/ลิตรได้เมื่อพ้นช่วงฤดูหนาว เพราะหากราคาทรงตัวสูงก็จะกระทบกับปริมาณการบริโภค แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีพลังงานทางเลือก อย่าง แก๊สโซฮอล์ ซึ่งปั๊มน้ำมันของ SUSCO 180 กว่าแห่ง มีปั๊มที่จำหน่ายแก๊สโซฮอล์ 100 กว่าแห่ง เพราะตามลักษณะธุรกิจจะเป็นการจำหน่ายดีเซลกว่า 60% แก๊สโซฮอล์ 10%
นายชัยฤทธิ์ กล่าวว่า หลังจากซื้อสถานีบริการน้ำมันมาจาก บมจ.อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย(TPI)ในอดีต จากนั้นได้มีการปรับปรุงและจำหน่ายน้ำมันครบทั้ง 24 แห่ง คาดว่าจะทำรายได้ในปีนี้ราว 2 พันล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 1 พันล้านบาท ทำให้ปั๊มน้ำมันของ SUSCO เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 180 แห่ง ณ สิ้นปี 50 จากที่ตั้งเป้าปีนี้ขยายปั๊มน้ำมันเพิ่มเป็น 200 แห่ง
"ต้องดูสถานการณ์ เพราะเรายังมีเวลา ไม่ได้สร้างใหม่ทั้งหมดโดยอาจจะดูป๊มตรงไหนเหมาะก็อาจจะขอเช่าขอซื้อหรือเทคโอเวอร์มา...ปั๊มของ TPI ส่วนหนึ่งเป็นของเราเลย ส่วนหนึ่งเช่า 3 ปี แต่อีกส่วนหนึ่งเช่าระยะยาวไปเลย"นายชัยฤทธิ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาจะเห็นปั๊มขนาดเล็กในต่างจังหวัดทยอยปิดตัวไปมาก เพราะกำไรน้อยและค่าใช้จ่ายสูง ดังนั้น บริษัทก็จะพยายามควบคุมค่าใช้จ่าย หากยอดขายคงที่ มาร์จิ้นก็น่าจะดีขึ้น ขณะที่ส่วนแบ่งตลาดก็น่าจะเพิ่มขึ้นด้วย โดยเฉพาะเมื่อมีปั๊มของ TPI เข้ามาเสริม
"ส่วนแบ่งการตลาดของเราไม่ลดลงเพราะหลังจากซื้อปั๊ม TPI เข้ามาส่วนแบ่งการตลาดก็เพิ่มเข้ามาเป็น 1.6% ปี 51 ตั้งเป้าค่อยๆ เพิ่มอาจจะเป็น 1.7-1.8% อัตรากำไรขั้นต้นขึ้นอยู่กับค่าการตลาดถ้า 1.50 บาท ก็ประมาณ 5% แต่แค่ 5% ถือว่าน้อย เพราะยังไม่ได้หักค่าใช้จ่าย เพราะช่วงไตรมาส 4/50 ที่ผ่านมาอัตรากำไรขั้นต้นแค่ 2-3% ค่อนข้างหนักมาก"นายชัยฤทธิ์ กล่าว
นายชัยฤทธิ์ กล่าวว่า บริษัทยังคงเดินหน้าส่งน้ำมันไปจำหน่ายยังประเทศเพื่อนบ้าน แต่จะยังคงขายในรูปแบบประมูลแข่งขันราคาเป็นล็อต โดยที่ผ่านมาได้ส่งไปขายในลาว และยังไม่มีแผนไปเปิดสถานีบริการน้ำมัน ซึ่งรายได้จากการส่งออกน้ำมันยังมีแค่ 3-4% ของรายได้รวม
--อินโฟเควสท์ โดย จำเนียร พรทวีทรัพย์/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--