นายจักรพงส์ สุเมธโชติเมธา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.สากล เอนเนอยี (SKE) คาดว่า ผลประกอบการในช่วงไตรมาส 2/62 จะออกมาใกล้เคียงกับช่วงไตรมาส 1/62 แม้ว่าจะเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของธุรกิจให้บริการบรรจุอัดก๊าซ NGV ที่ส่งผลให้ยอดขายชะลอลง แต่อย่างไรก็ตามบริษัทจะได้รับเงินสนับสนุนจากกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) มูลค่าราว 12 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายได้ที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว เข้ามาสนับสนุนผลประกอบการ
สำหรับภาพรวมผลประกอบการทั้งปี 62 ยังคงมั่นใจว่ารายได้จะเติบโต 50% โดยจะมีสัดส่วนรายได้มาจากธุรกิจให้บริการอัดก๊าซ NGV ที่ 60% ธุรกิจโรงไฟฟ้า 35% และจากธุรกิจการผลิตและจำหน่ายก๊าซไบโอมีเทนอัด (CBG) ราว 5% โดยธุรกิจให้บริการอัดก๊าซ NGV ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก บริษัทคาดว่าจะดีขึ้นในครึ่งปีหลัง จากการที่มีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามา ทำให้ความเชื่อมั่นของเอกชนและต่างประเทศดีขึ้นมีการลงทุนภาคอุตสาหกรรมและการค้ามากยิ่งขึ้น และคาดว่าสงครามการค้าที่มีผลต่อภาคส่งออกลดลงในครึ่งปีแรกจะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น ทำให้ภาคขนส่งซึ่งเป็นผู้ใช้หลักของ NGV ขยายตัวดีขึ้นเช่นกัน ซึ่งคาดว่าครึ่งปีหลังจะมียอดอัดก๊าซเฉลี่ย 550 ตัน/วัน
นอกจากนี้ บริษัท จะเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ในโครงการโรงไฟฟ้าแม่กระทิง (MKP) ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าชีวมวล ขนาดกำลังการผลิตรวมที่ 9.9 เมกะวัตต์ (MW) คาดจะเริ่ม COD จำนวน 8 เมกะวัตต์ ได้ภายในเดือน ก.ค.62
ในขณะเดียวกันบริษัทยังคงมองหาโอกาสการลงทุนใหม่เพิ่มเติม โดยในปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาการลงทุนในโครงการ CBG Station เพิ่มอีก 1 แห่ง ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ในช่วงปลายปีนี้
พร้อมกันนี้บริษัทยังได้อยู่ระหว่างเจรจาเข้าลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทน อาทิ โรงไฟฟ้าชีวมวล,โครงการโซลาร์ฟาร์ม เป็นต้น ซึ่งคาดว่าปิดดีลในปีนี้ได้อย่างน้อย 1 แห่ง โดยในเบื้องต้นรูปแบบการลงทุนจะมีทั้งร่วมทุนกับพันธมิตรและเข้าซื้อกิจการ