นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวขึ้น เล็งแรงหนุนจากหุ้นในกลุ่มพลังงาน และปิโตรเคมี หลังจากที่ราคาน้ำมันได้พุ่งแรงกว่า 5% อันเป็นผลจากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและอิหร่าน ซึ่งอาจจะทำให้เกิดการคว่ำบาตรได้
อนึ่ง กองทัพสหรัฐเปิดเผยว่า โดรนของทางกองทัพได้ถูกขีปนาวุธของอิหร่านโจมตี ขณะบินอยู่เหนือน่านฟ้าสากลบริเวณช่องแคบฮอร์มุซ ขณะที่กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามของอิหร่าน (IRGC) ได้ออกมาตอบโต้ว่า โดรนดังกล่าวถูกยิงในน่านฟ้าของอิหร่านทางตอนใต้ของประเทศ
นายอภิชาติ กล่าวต่อว่า การส่งสัญญาณการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่า ส่งผลให้เงินบาทแข็งค่ามากจนหลุดแนว 31 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งทำให้ Fund Flow ไหลเข้ามา
อย่างไรก็ดี ตลาดบ้านเราปรับตัวขึ้นมาเป็นสัปดาห์ที่ 5 แล้ว จึงต้องระวังความผันผวนระหว่างวันด้วย เพราะในทางเทคนิคได้เข้าเขต Overbought แล้ว พร้อมให้ติดตามตัวเลขการค้าของไทยเดือนพ.ค. และตัวเลข PMI ภาคการผลิตเบื้องต้นของสหรัฐฯ และยุโรป
ทั้งนี้ ให้แนวรับไว้ที่ 1,710-1,705 จุด ส่วนแนวต้าน 1,725-1,730 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (20 มิ.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,753.17 จุด เพิ่มขึ้น 249.17 จุด (+0.94%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,954.18 จุด เพิ่มขึ้น 27.72 จุด (+0.95%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,051.34 จุด เพิ่มขึ้น 64.02 จุด (+0.80%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 24.81 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 3.25 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 31.08 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 32.70 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 1.09 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 0.23 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 3.19 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (20 มิ.ย.62) 1,717.82 จุด เพิ่มขึ้น 11.84 จุด (+0.69%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 4,497.81 ล้านบาท เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.2562
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (20 มิ.ย.62) ปิดที่ 56.65 ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 2.89 ดอลลาร์ หรือ 5.4%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (20 มิ.ย.62) ที่ 2.80 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 30.89 แข็งค่าต่อเนื่องจากวานนี้ตามภูมิภาค มองกรอบวันนี้ 30.80-31.00 จับตาตัวเลขส่งออกไทย
- เปิดแถลงการณ์ผู้นำไทย เรียกร้องอาเซียนต่อต้านสงครามการค้า สอดคล้องสภานักธุรกิจอาเซียน แนะผู้นำ ใช้เวทีซัมมิตเล่นบทตัวประสานสหรัฐ-จีน ลดผลกระทบสงครามการค้า ชี้บอบช้ำ ทุกฝ่าย ด้านผู้เชี่ยวชาญคาดข้อพิพาท การค้าจะเป็นประเด็นใหญ่ในการประชุม สุดยอดอาเซียนซัมมิตที่กรุงเทพฯ
- กสทช.เผยผลสรุปวันแรกหลังเปิดให้ผู้ประกอบการ ทีวีดิจิทัลขอคืนเงินประกันแบงก์การันตี งวด 5-6 แล้ว ตามคำสั่ง ม.44 คลอดมาตรการแก้ไขปัญหาการประกอบกิจการ"ฐากร"เผยวันแรกมีผู้รับใบอนุญาต ทีวีดิจิทัลมาขอคืนแบงก์การันตีงวดที่ 5 และ 6 จำนวน 14 ช่อง
- เฟดส่งสัญญาณลดดอกเบี้ย กดดันเงินบาทแข็งทุบสถิติรอบ 6 ปี เผยวันเดียวแข็งค่า 1% แบงก์ชาติห่วงเคลื่อนไหวไม่สอดคล้องกับพื้นฐานเศรษฐกิจ สั่งเพิ่มความเข้มงวดการติดตาม เน้นธุรกรรมที่หวังใช้ไทยเป็นแหล่งพักเงินเพื่อเก็งกำไร ด้านธนาคารกสิกรไทย ชี้ควรดูแลไม่ให้แข็งกว่าเพื่อนบ้าน ส่วนราคาทองคำ ตลาดโลก รับอานิสงส์พุ่งรอบ 6 ปี
- ม.หอการค้าฯเผยความเชื่อมั่นวูบเหตุตั้งรัฐบาลช้า-การเมืองไร้เสถียรภาพ 'สมคิด' จี้ ก.อุตฯเร่งมือ 2 ภารกิจ ชูชื่อ 'ไทยแลนด์ไซเบอร์พอร์ต' พัฒนาสตาร์ตอัพ เอสเอ็มอีแบงก์โดดรับเล็งปล่อยกู้หมื่นล้านบาท
- ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยถึงสถานการณ์ท่องเที่ยวในช่วง 6 เดือนแรกปี 62 (ม.ค.-มิ.ย. 62) ว่า ในช่วง 6 เดือนแรกจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศอยู่ในภาวะทรงตัว โดยมีจำนวนทั้งหมด 19.9 ล้านคน ขยายตัวเพียง 2% สร้างรายได้รวม 1 ล้านล้านบาท ขยายขึ้น 3% เพราะนักท่องเที่ยวจากหลายภูมิภาคได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจในภูมิภาคยุโรป และตะวันออกกลาง รวมทั้งการเริ่มปะทุของสงครามการค้าและการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจระลอกใหม่
*หุ้นเด่นวันนี้
- EA (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 63 บาท โดดเด่นในทุกธุรกิจ 1) ธุรกิจโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์และพลังงานลมคาดกำไรสุทธิทำ New high ต่อเนื่อง จากการรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าพลังงานลมโครงการหนุมานกำลังการผลิตรวม 260MW ซึ่งเริ่ม COD ตั้งแต่ Q1/62 แต่จะรับรู้รายได้เต็มไตรมาสตั้งแต่ Q2/62, 2) ธุรกิจไบโอดีเซลได้อานิสงส์ภาครัฐส่งเสริมการใช้ B10 และ B20 จากเดิม B7 และ 3) ธุรกิจแบตเตอรี่และรถยนต์ไฟฟ้า ล่าสุดได้ Sentiment บวกจากข่าว BOI ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีกับผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า
- ADVANC (ทรีนีตี้) "ซื้อ"เป้า 230 บาท เนื่องจากบริษัทมีจุดเด่นในด้านความเป็นผู้นำตลาดที่มีความแข็งแกร่งมากที่สุดในอุตสาหกรรม อีกทั้งยังมีการจ่ายปันผลที่สม่ำเสมอ โดยคาด Dividend yield ของบริษัทที่ราว 3.6% ต่อปี พร้อมคาดรายได้และกำไรของบริษัทยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าปี 2562 บริษัทจะมีกำไรเติบโต 3.6% YoY
- PTT (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) "ซื้อสะสม"เป้า 55 บาท แผนลงทุนที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากธุรกิจด้านเทคโนโลยีและวิศวกรรม 34,438 ล้านบาท เป็นการเน้นลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าและพลังงานหมุนเวียน เชื่อว่า GPSC ซึ่งเป็น Flagship ธุรกิจไฟฟ้าจะได้รับการสนันสนุนสอดคล้องกับกลยุทธ์เติบไปกับกลุ่ม PTT