นายอภิชาติ ชโยภาส กรรมการผู้จัดการ บมจ.ท่าเรือราชาเฟอร์รี่ (RP) กล่าวว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 5-10% จากปีก่อน แต่ก็ยอมรับว่าได้รับผลกระทบจากนักท่องเที่ยวจีน รัสเซียที่หายไป และกำลังซื้อของคนไทยลดลง ซึ่งบริษัทฯ ก็พยายามหาลูกค้ากลุ่มอื่นเข้ามาทดแทน เช่น ลูกค้าอินเดีย เวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย และสิงคโปร์ เป็นต้น โดยการเข้าไปทำการตลาดผ่านแพ็กเกจท่องเที่ยว ขณะเดียวกันเร็วๆนี้ จะมีการเซ็นสัญญากับลูกค้าเพิ่มอีก 1 ราย คาดว่าจะช่วยเพิ่มจำนวนผู้โดยสารที่จะมาลงสนามบินสุราษฏธานีได้ รวมถึงการให้บริการต่าง ๆ กับลูกค้า เช่น การบริการรถโดยสารรับส่งเข้าเกาะ-ออกเกาะ และบริการการจองตั๋วผ่านช่องทางดิจิทัลต่าง ๆ
ส่วนด้านการลงทุนในปีนี้ บริษัทฯ ได้ลงทุนซื้อเรือเฟอร์รี่เข้ามาเพิ่มอีกจำนวน 3 ลำ ส่วนการพัฒนาท่าเรือ โดยท่าเทียบเรือที่เกาะสมุย ปัจจุบันมีทั้งสิ้น 4 ท่าเทียบเรือแล้ว ซึ่งสามารถรองรับจำนวนคนโดยสารได้ 10,000 คนต่อวัน และน่าจะรองรับไปได้ถึง 3 ปี, ท่าเทียบเรือดอนสัก ปัจจุบันเริ่มเป็นคอขวดแล้ว ก็มีแผนขยายท่าเทียบเรือเพิ่มอีก 2 ท่า จากเดิมที่มีอยู่ 3 ท่า ซึ่งอยู่ระหว่างการขอใบอนุญาตก่อสร้าง และหากดำเนินการแล้วเสร็จคาดจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถรองรับนักท่องเที่ยวจากเดิม 6,000 คนต่อวัน เป็น 20,000 คนต่อวัน ขณะที่ก็มีแผนลงทุนทำท่าเทียบเรือที่เกาะพะลวยด้วย รวมถึงยังมีแผนพัฒนาเรือ หรือภายในเรือ Ferrys โดยได้ว่าจ้างทีมงานเข้ามาปรับปรุงประสิทธิภาพการเดินเรือให้ดีมากขึ้น
นอจากนี้บริษัทฯ ก็อยู่ระหว่างศึกษาการนำเรือที่จะปลดระวางไปให้บริการที่เมืองมะริด ประเทศเมียนมา เนื่องจากมองทิศทางในอนาคตจะมีการเปิดตลาดด่านสิงขร ซึ่งเป็นตลาดชายแดนไทย-เมียนมา คาดว่าเมื่อไหร่ที่เปิดด่านสิงขรถาวร บริษัทฯ ก็เริ่มให้บริการได้ในทันที โดยน่าจะเป็นโอกาสนำนักท่องเที่ยวต่างประเทศ โดยเฉพาะชาวจีน เข้าไปเที่ยวมากขึ้น
ขณะที่บริษัทฯ ก็ได้มีการยื่นขอกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อปรับราคาค่าโดยสารขึ้นประมาณ 20% หลังจากที่ไม่ได้ปรับขึ้นมาตั้งแต่ปี 52 และมีการลงทุนซื้อเรือเข้ามาเพิ่มอีก 3 ลำ รวมถึงค่าจ้างแรงก็ปรับตัวขึ้นด้วย โดยก็อยู่ระหว่างรอความชัดเจนดังกล่าวอยู่