ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก:ดาวโจนส์ปิดลบ64.87จุดเหตุกังวลเรื่องผู้ออกหุ้นกู้

ข่าวหุ้น-การเงิน Saturday February 9, 2008 07:09 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (8 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับผู้ออกหุ้นกู้ที่ค้ำประกันด้วยเงินกู้ที่มีความเสี่ยง อย่างเช่นสินเชื่อซับไพร์ม รวมถึงความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจในวงกว้าง  
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลดลง 64.87 จุด หรือ 0.53% แตะระดับ 12,182.13 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดปรับตัวลง 5.62 จุด หรือ 0.42% แตะระดับ 1,331.29 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดขยับขึ้น 11.82 จุด หรือ 0.52% แตะระดับ 2,304.85 จุด
สำหรับหุ้นที่ร่วงลงมากที่สุดในบรรดา 30 บริษัทบนดัชนีดาวโจนส์คือบริษัทในกลุ่มการเงิน ได้แก่ อเมริกัน เอ็กซ์เพรส โค และ เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ส่วนดัชนีเทคโนโลยี Nasdaq ดีกว่าดัชนีตัวอื่นๆ โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากหุ้นแอมะซอนดอทคอม อิงค์ ซึ่งอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืน 1 พันล้านดอลลาร์ โดยหุ้นของผู้ค้าปลีกออนไลน์รายนี้บวกขึ้น 2.59 ดอลลาร์ หรือ 3.7%
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ได้ปรับตัวขึ้นในการซื้อขายช่วงแรก ก่อนที่จะร่วงลงมากกว่า 60 จุด ทำให้สิ้นสุดสัปดาห์นี้ ดาวโจนส์ร่วงลงมากกว่า 4% ซึ่งเป็นสัปดาห์ที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2546
ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ ตลาดถูกเขย่าจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผู้ออกหุ้นกู้ว่าพวกเขาจะสามารถรับมือกับการขาดทุนในหุ้นกู้ที่ได้รับการหนุนหลังจากหนี้สินของผู้บริโภคหรือไม่ โดยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ได้ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อผู้ออกหุ้นกู้ Security Capital Assurance Ltd. จากนั้นในช่วงเที่ยงวันของวันศุกร์ ฟิทช์ เรทติ้งส์ ซึ่งเป็นสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถืออีกรายหนึ่ง ได้ให้ความเห็นในการลงทุนในหลักทรัพย์ที่ค้ำประกันด้วยเงินกู้ที่มีความเสี่ยงที่ออกโดย MBIA Inc. เป็นแง่ลบ (Negative Watch)
"นักลงทุนกำลังให้ความสนใจกับเรื่องผู้ออกหุ้นกู้" คิม คาฟฮีย์ นักวิเคราะห์จาก Fort Pitt Capital Group. กล่าว "นี่เป็นเรื่องที่ซับซ้อนมาก"
ถ้าสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือต่างๆลดอันดับหุ้นกู้และผู้ออกหุ้นกู้เพิ่มอีก ก็อาจจะเป็นการทำร้ายธนาคารที่เป็นเจ้าของหุ้นกู้นั้นๆ และจะเป็นการผลักดันให้ตลาดสินเชื่อสู่ช่วงขาลง ซึ่งเป็นสิ่งที่สร้างความกังวลให้แก่นักลงทุน
หุ้นกลุ่มการเงินร่วงลงเนื่องจากแรงขายในตลาดกู้ยืมและหุ้นกู้ภาคเอกชน ขณะเดียวกัน ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ทะยานขึ้นได้ส่งผลกระทบต่อผู้ค้าปลีก ปีเตอร์ บุควาร์ นักยุทธศาสตร์จากมิลเลอร์ ทาบัก กล่าว
ผู้ค้าปลีก ซึ่งเปิดเผยตัวเลขยอดซื้อที่อ่อนแอเมื่อวันพฤหัสบดี กล่าวว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคไม่ได้ชะลอตัวลงเพราะปัญหาในตลาดที่อยู่อาศัยเท่านั้น แต่ยังเป็นผลมาจากราคาอาหารและน้ำมันเบนซีนที่ปรับตัวสูงขึ้น ธุรกิจอื่นๆในภาคบริการของสหรัฐก็กำลังแย่จากต้นทุนราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่สูงขึ้นเช่นกัน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ