น.ส.สุภากร สุจิรัตนวิมล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.เคทีบี กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวขึ้น โดยมีกลุ่มพลังงานนำตลาด เนื่องจากรับผลบวกจากที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกมีการรีบาวน์กลับขึ้นมาแรงมาก จนกลับขึ้นเหนือระดับ 90 ดอลลาร์/บาร์เรล อีกครั้ง
ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะมีการแกว่งตัวในกรอบแคบ ๆ ทั้งบวก-ลบ โดยวันนี้ตลาดโตเกียวได้ปิดทำการ สำหรับปัจจัยภายในประเทศในเรื่องการเมืองคงจะต้องติดตามดูไปเรื่อย ๆ ซึ่งขณะนี้ก็มองถึงเรื่องที่นายกรัฐมนตรีจะผลักดันเดินหน้านโยบายขนส่งมวลชน โดยเฉพาะรถไฟฟ้า 9 สาย ซึ่งก็น่าจะส่งผลดีต่อตลาดฯ
อย่างไรก็ดี นักลงทุนควรจะต้องดูที่ปริมาณการซื้อขายของตลาดฯด้วย ถ้าวอลุ่มยังคงเบาบางไม่ถึง 20,000 ล้านบาทต่อวัน เชื่อว่าดัชนีฯก็คงจะไปได้ไม่ไกล และอาจจะเจอแรงขายทำกำไร ทั้งนี้ได้ให้แนวต้านระยะยาวไว้ที่ 825-830 จุด
ส่วนวันนี้ทางเทคนิคให้แนวต้านที่ 815 จุด แนวรับ 791 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :
- ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(8 ก.พ.) ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 12,182.13 จุด ลดลง 64.87 จุด(-0.53%) ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 1,331.29 จุด ลดลง 5.62 จุด(-0.42%) และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 2,304.85 จุด เพิ่มขึ้น 11.82 จุด (+0.52%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 215.59 ล้านบาทเมื่อ 8 ก.พ.2551
- ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือน มี.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุดที่ 91.77 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 3.66 ดอลลาร์หรือ 4.15%
- วันนี้ สศค.จะรวบรวมข้อมูล และเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับมาตรการกันสำรอง 30% นโยบายอัตรา
ดอกเบี้ย นโยบายการดูแลอัตราแลกเปลี่ยน และมาตรการภาษีที่จะนำมาใช้กระตุ้นเศรษฐกิจเสนอต่อรมว.คลัง ขณะที่คลังจะพิจารณาร่วมกับธปท. ชี้ชะตามาตรการกันสำรอง 30% พรุ่งนี้(12 ก.พ.)"อัจนา" ชี้หากต้องเลิกต้องมีมาตรการอื่นเตรียมพร้อมรับมือเงินทุนเคลื่อนย้าย ยัน แบงก์ชาติต้องมีความอิสระในการใช้เครื่องมือทางการเงิน "ตีรณ" แนะทางออกลดอัตราเหลือ 5% พร้อมเตือนรัฐบาลระวังเข้าข่ายแทรกแซงธนาคารกลาง กระทบความเชื่อมั่นของประเทศ
- ทีดีอาร์ไอชี้ประชานิยมใหม่ช่วยกระตุ้นจีดีพีได้น้อยกว่าครั้งแรก เหตุเศรษฐกิจมีแรงกดดันจากเงินเฟ้อและไม่ได้อยู่ในภาวะตกต่ำมากเหมือนช่วงหลังวิกฤติ ระบุสถานการณ์ปัจจุบันทำได้แค่กองทุนหมู่บ้านกับโอท็อป นักวิชาการเสนอปรับเอสเอ็มแอล สกัดการเมืองแฝงใช้งบหาเสียง
- เจ.พี.มอร์แกน ให้น้ำหนักหุ้นไทยเหลือปานกลางพร้อมปรับเพิ่มน้ำหนักเหนือเกณฑ์ในครึ่งปีหลังหากปัญหาซับไพร์มมีความชัดเจน รวมทั้งรอดูนโยบายรัฐบาลใหม่ผลักดันเมกะโปรเจค พร้อมระบุ นักลงทุนต่างชาติมองไทยยังไม่มีความเสี่ยงเรื่องมาตรการสำรอง 30% แต่ยืนยันกลุ่มเจ.พี.ไม่มีนโยบายถอนการลงทุนในไทย มองสิ้นปีดัชนีอยู่ที่ 950-980 จุด
- ผลจากความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ไทย-ออสเตรเลีย ปี 2550 พบว่า ไทยได้ดุลการค้าออสเตรเลียถึง 1.92 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 6.53 หมื่นล้านบาท จากมูลค่าการค้าระหว่างกัน 9.52 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 22.7% จากปี 2549 โดยไทย ส่งออกไปออสเตรเลีย 5.72 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 31.63% ขณะที่ออสเตรเลียส่งออกมายังไทย 3.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 11.44%
- นายกรัฐมนตรี จะเดินหน้าผลักดันนโยบายขนส่งมวลชน โดยเฉพาะรถไฟฟ้า 9 สาย รองรับการคมนาคมในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยใช้เครือข่ายเส้นทางเดิมที่มีอยู่แล้ว และสร้างยาวต่อไปอีก 30-40 กิโลเมตร รวมทั้งการขยายรางรถไฟเพื่อรองรับการเติบโตของเมือง ซึ่งหากเป็นไปตามแผนที่วางไว้ โครงการทั้งหมดจะสามารถใช้งานได้ใน 3-6 ปี
--อินโฟเควสท์ โดย พรเพ็ญ ดวงเฉลิมวงศ์/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--