ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บมจ.จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก (EASTW) ที่ระดับ "A+"
อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะที่แข็งแกร่งของบริษัทในฐานะผู้ประกอบการเพียงรายเดียวที่มีโครงข่ายท่อส่งน้ำดิบครอบคลุมพื้นที่ในเขตชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก ความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้นจากการพัฒนาโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor – EEC) ตลอดจนการมีอัตรากำไรที่สูงและกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอ อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวมีข้อจำกัดบางประการจากผลกระทบที่คาดเดาได้ยากจากการเปลี่ยนแปลงสภาวะอากาศและพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำฉบับใหม่
ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต
เป็นผู้ให้บริการน้ำดิบรายสำคัญในเขตชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก พื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทเป็นผลมาจากการที่บริษัทเป็นผู้ให้บริการน้ำดิบรายสำคัญในเขตชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก การมีโครงข่ายท่อน้ำดิบที่เชื่อมโยงถึงกันอย่างสมบูรณ์ทำให้การส่งน้ำจากแหล่งน้ำต่าง ๆ ไปยังพื้นที่ให้บริการในจังหวัดชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทราเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โครงข่ายที่สมบูรณ์และครอบคลุมนี้เป็นปัจจัยที่สร้างอุปสรรคในการเข้ามาแข่งขันของผู้ประกอบการรายใหม่ ๆ เนื่องจากจะต้องใช้เงินลงทุนสูงและต้องได้รับความเห็นชอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกด้วย
ความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้นจากการพัฒนาโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก สืบเนื่องจากการสนับสนุนของภาครัฐบาลในการส่งเสริมการลงทุนในโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก คาดว่าความต้องการใช้น้ำดิบ น้ำอุตสาหกรรม และการจัดการน้ำครบวงจรจะเพิ่มขึ้นในอนาคต ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2561 บริษัทได้ทำสัญญาขายน้ำจำนวน 2 ฉบับกับ บริษัท กัลฟ์ พีดี จำกัด และ บริษัท อมตะ วอเตอร์ จำกัด เพื่อเป็นผู้ให้บริการน้ำอุตสาหกรรมโดยจะเริ่มให้บริการตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นไป บริษัทยังชนะการประมูลเป็นผู้ให้บริการน้ำประปาและระบบบำบัดน้ำเสียในสนามบินอู่ตะเภา นอกจากนี้ บริษัทยังหาโอกาสใหม่ ๆ ในการที่จะให้บริการแก่พื้นที่นอกเขต EEC อีกด้วย
มีอัตรากำไรที่แข็งแรงและกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอ ฐานะทางการเงินที่แข็งแรงของบริษัทเป็นผลมาจากการที่บริษัทมีอัตราการทำกำไรที่แข็งแกร่งและมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่แน่นอน บริษัทมีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จากการขายอยู่ในระดับสูงกว่า 54.0% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้ของบริษัทจะเติบโตที่ระดับ 5.0% ต่อปีในช่วงปี 2562-2564 โดยพิจารณาจากความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้นจากการพัฒนาโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก และความต้องการซื้อน้ำดิบที่เพิ่มขึ้นของการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ซึ่งเป็นผลมาจากการใช้กลยุทธ์ด้านราคา
ผลกระทบที่คาดเดาได้ยากจากการเปลี่ยนแปลงสภาวะอากาศและ พ.ร.บ. ทรัพยากรน้ำฉบับใหม่ สภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่คาดเดาได้ยากและส่งผลกระทบต่อการบริหารจัดการน้ำ ในช่วงฤดูแล้ง คุณภาพน้ำในแหล่งน้ำต่าง ๆ มีแนวโน้มเสื่อมโทรมลง ในขณะที่การส่งน้ำจากแหล่งน้ำที่อยู่ห่างไกลยังส่งผลทำให้ต้นทุนค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอีกด้วย ดังนั้น บริษัทจึงพยายามแสวงหาแหล่งน้ำเพิ่มให้เพียงพอโดยการลงทุนสร้างแหล่งน้ำของตนเองนอกเหนือจากแหล่งน้ำที่ได้รับจัดสรรจากกรมชลประทานหรือจากภาคเอกชน
พระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำฉบับใหม่ที่ประกาศในปี 2561 อาจส่งผลกระทบต่อต้นทุนวัตถุดิบของบริษัท อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ลดความเสี่ยงจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นโดยมีการนำปัจจัยนี้เข้าไปอยู่ในสูตรการคำนวณราคาขายใหม่ที่จะเริ่มใช้ในปีถัดไป
ภาระหนี้จะเพิ่มขึ้นจากโครงการลงทุน ทริสเรทติ้งคาดว่าโครงสร้างหนี้ของบริษัทจะเพิ่มสูงขึ้นในช่วง 3 ปีข้างหน้า เพื่อลงทุนในการจัดหาแหล่งน้ำที่แน่นอนและเพียงพอต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นของลูกค้าในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก
บริษัทมีแผนการลงทุนมากกว่า 7,000 ล้านบาทในช่วง 3 ปีข้างหน้า โดยบริษัทจะใช้เงินลงทุนส่วนใหญ่ไปในการสร้างท่อส่งน้ำใหม่ รวมทั้งพัฒนาสถานีสูบน้ำ และเสริมประสิทธิภาพเทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาน้ำ ซึ่งทริสเรทติ้งเชื่อว่าจะส่งผลให้อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทเพิ่มสูงขึ้นจนถึงระดับ 48.0% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า ในขณะที่อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมจะลดลงต่ำกว่า 20.0% และอัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายจะอยู่ที่ 8 เท่าในช่วงปี 2562-2564
ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2562 โครงสร้างเงินทุนและสภาพคล่องของบริษัทยังอยู่ในระดับดี โดยอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนอยู่ที่ระดับ 35.4% อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมอยู่ที่ระดับ 30.4% (ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปีโดยใช้ข้อมูลย้อนหลัง 12 เดือน) และอัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายอยู่ที่ 11.6 เท่าในไตรมาสแรกของปี 2562
สมมติฐานกรณีพื้นฐาน
รายได้คาดว่าจะเติบโต 5% ต่อปีในช่วงปี 2562-2564
อัตรากำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของบริษัทคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 55%-57% ในช่วงปีประมาณการ
งบการลงทุนจะอยู่ที่ระดับ 3,500 ล้านบาทต่อปี ในช่วงปี 2562-2563 และอยู่ที่ระดับ 1,050 ล้านบาทในปี 2564
แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนถึงความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะสามารถดำเนินธุรกิจและสร้างกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอต่อไป และคาดว่าบริษัทจะขยายธุรกิจโดยการก่อหนี้อย่างระมัดระวังและมีวินัย
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง การปรับเพิ่มอันดับเครดิตจะเกิดขึ้นได้ในกรณีที่บริษัทสามารถเพิ่มกระแสเงินสดจากการดำเนินงานได้เป็นอย่างมากโดยไม่ทำให้ฐานะการเงินอ่อนแอลง ในขณะที่การปรับลดอันดับเครดิตอาจเกิดจากการลงทุนเชิงรุกมากเกินไปจนทำให้เกิดภาระหนี้ที่สูงขึ้นจนส่งผลให้อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนสูงเกินกว่า 50% อย่างต่อเนื่อง