นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รมช.คมนาคม ได้รับมอบหมายจากนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ตอบกระทู้ถามของนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อหน้า พรรคไทยศรีวิไลย์ เกี่ยวกับเรื่องความคืบหน้าแผนการจัดหาเครื่องบินใหม่ 38 ลำ ของบมจ.การบินไทย (THAI) ที่ได้ตั้งข้อสังเกตว่า การจัดซื้อเครื่องบินครั้งนี้ใช้งบประมาณถึง 1.56 แสนล้านบาท เพื่อชดเชยเครื่องบินเก่าที่จะการบินไทยมีแผนจะปลดระวาง จึงเสนอว่าควรจะมีการจัดซื้อเครื่องบินเท่าที่จำเป็นเท่านั้น
นายไพรินทร์ กล่าวว่า คณะรัฐมนตรียังไม่ได้มีการอนุมัติแผนการจัดหาเครื่องบินใหม่ 38 ลำ ซึ่งยังอยู่ในกระบวนการพิจารณาของรัฐบาล ซึ่งเป็นการซื้อเครื่องบินเพื่อทดแทนเครื่องบินเก่า 31 ลำ และซื้อใหม่อีก 7 ลำ
ทั้งนี้ นายไพรินทร์ ได้ชี้แจงถึงปัญหาการจัดซื้อเครื่องบินรุ่น แอร์บัส A340 ที่ไม่สามารถนำมาใช้บริการได้ว่า ในข้อเท็จจริงเครื่องบินรุ่น แอร์บัส A340 ยังอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน แต่จากสภาพธุรกิจการบินที่เปลี่ยนแปลงไป และเครื่องบินรุ่นนี้เป็นเครื่องบินลำตัวกว้าง ใช้เครื่องยนต์ 4 เครื่องยนต์ใช้บินในเส้นทางระยะยาว เช่น จากไทยไปสหรัฐ ใช้เวลาบิน 17-18 ชั่วโมง แต่จากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น และความนิยมในการบินรวดเดียวเปลี่ยนแปลงไป
รวมถึงจากปัญหาขึ้นขึ้นธงแดงขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ส่งผลให้ไม่สามารถบินเข้าสหรัฐอเมริกาได้ จึงทำให้เมื่อนำเครื่องบินรุ่นนี้มาบินในเส้นทางในระยะที่สั้นกว่าจึงมีปัญหาเรื่องต้นทุน จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้การบินไทยจะมีแผนปลดระวางเครื่องบินรุ่น แอร์บัส A340 และทราบว่ายังอยู่ในขั้นตอนที่จะขายออกไป
อย่างไรก็ตาม นายไพรินทร์ เชื่อมั่นว่า ในแผนการจัดซื้อเครื่องบินใหม่ 38 ลำ จะเป็นเครื่องบินในลักษณะลำตัวแคบ และเป็นเครื่องยนต์แบบ 2 เครื่องยนต์ และเหมาะกับสภาพธุรกิจการบินในปัจจุบัน และยังไม่มีแผนการบินตรงไทยไปสหรัฐอเมริกา ซึ่งในรายละเอียดยังอยู่ในการพิจารณาจากทางสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมและคณะรัฐมนตรี
นอกจากนี้ นายไพรินทร์ ยืนยันว่า จะนำเรื่องข้อกังวลกรณีแผนการจัดหาเครื่องบินใหม่ 38 ลำที่เกรงว่าจะขาดทุนไปแจ้งต่อคณะกรรมการบริษัทการบินไทยและผู้ถือหุ้นให้รับทราบต่อไป ซึ่งการพิจารณาลงทุนจะคำนึงถึงผลประโยชน์ประเทศชาติให้มากที่สุด