นายวิชัย ถาวรวัฒนยงค์ ผู้ถือหุ้น และอดีตประธานกรรมการ บมจ.อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น (IFEC) เข้ายื่นหนังสือต่อเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเรียกร้องให้ตรวจสอบการทำงานของกรรมการชุดปัจจุบันของบริษัท IFEC เนื่องจากพบว่ามีการกระทำที่ส่อไปในทางผิดกฎหมายหลายประเด็น
นายวิชัย ระบุข้อกล่าวหาว่า คณะกรรมการบริษัทไม่ดำเนินการจัดให้มีการประชุมสามัญประจำปีของผู้ถือหุ้นภายในเดือน เม.ย.62 ทั้งที่มีเวลาและเป็นหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย นอกจากนั้น คณะกรรมการต้องรีบดำเนินการเลือกผู้ตรวจสอบบัญชี เพื่อให้ผู้ถือหุ้นแต่งตั้งฯ และหลังจากนั้นจึงมีสิทธิไปตรวจดูงบการเงินต่างๆ และปิดงบบัญชีได้ทันเวลาตามที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำหนด แต่เสมือนว่าจงใจเตะถ่วงเวลาอย่างมีเงื่อนงำ รวมทั้งกรรมการชุดปัจจุบันที่ถูกฟ้องร้องดำเนินคดีต่อศาลยุติธรรมก่อนหน้าที่จะได้รับจดทะเบียนเข้าเป็นกรรมการ IFEC ได้ดำเนินการถอนฟ้องคดีครอบงำกิจการของ IFEC ที่ถูกฟ้องเป็นจำเลย ซึ่งศาลชั้นต้นได้มีการประทับรับฟ้องไว้แล้ว และใกล้ที่จะมีคำตัดสินพิพากษาคดีของศาลชั้นต้นแล้ว โดยการปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอมเพื่อดำเนินการถอนฟ้องคดีดังกล่าวเพื่อให้ตนเองได้รับประโยขน์
คณะกรรมการชุดปัจจุบันยังไม่ดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้สิน และเจรจากับเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา จนนำไปสู่การยึดหุ้นของบริษัทลูกของ IFEC กว่า 70% ตลอดจนปกปิดข้อมูลดังกล่าวไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลสารสนเทศต่อสาธารณะ และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อให้รู้ถึงสถานะปัจจุบันของบริษัท แต่กลับนำเสนอสื่อในเชิงที่ว่าถ้าเปลี่ยนแปลงโครงสร้างกรรมการของบริษัทลูกได้ ทรัพย์สินจะกลับเป็นของบริษัท ซึ่งไม่ได้เป็นความจริง
และยังฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานบังคับคดีที่ได้มีคำสั่งให้ระงับการทำนิติกรรมใดๆ อันเกี่ยวกับหุ้นของบริษัทย่อยที่ถูกยึดตามคำพิพากษา โดยมีการนำหุ้นดังกล่าวที่ถูกยึดไว้แล้วมาขอจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมการและโครงสร้างของบริษัทย่อยที่บริษัท IFEC ได้ถือหุ้นทุกบริษัท
ก่อนหน้านี้ยังมีบริษัทลูกบางแห่งนำเอกสารเท็จไปดำเนินการขอจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมการ ส่งผลให้นายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้หลงเข้าใจผิดและดำเนินการรับจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมการ เป็นระยะเวลากว่า 3 เดือน ก่อนที่นายทะเบียนจะได้กลับคำวินิจฉัยเพิกถอนการรับจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมการดังกล่าวในภายหลัง จนเป็นเหตุให้ทรัพย์สินและเงินในบัญชีธนาคารหายไปกว่า 92 ล้านบาท
ในวันเดียวกันนี้ นายวิชัยฯ ยังไปยื่นหนังสือกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าให้ยกเลิกและเพิกถอนการรับจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมการบริษัท เนื่องจากมีหลักฐานว่าการยื่นจดทะเบียนเป็นไปอย่างไม่ถูกต้อง ดังนั้น กรรมการเข้าใหม้ทั้งหกคน จึงเข้ามาโดยมิชอบด้วยระเบียบข้อบังคับและไม่ชอบด้วยกฎหมาย