นายสิทธิเดช มัยลาภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สกาย ไอซีที (SKY) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่ารายได้ในปี 62 จะเติบโตอย่างก้าวกระโดดมาอยู่ที่ 3.34 พันล้านบาท จากปี 62 ที่มีรายได้ 1.07 พันล้านบาท โดยที่การรับรู้รายได้ส่วนใหญ่จะเข้ามาในช่วงครึ่งปีหลังตามการส่งมอบงานที่มีมากขึ้น ซึ่งบริษัทจะรับรู้งานในมือ (Backlog) ที่มีอยู่กว่า 3 พันล้านบาทภายในปีนี้ทั้งหมด ทำให้แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังจะสูงกว่าครึ่งปีแรกเป็นไปตามปกติของธุรกิจของบริษัท
ขณะเดียวกันบริษัทยังเตรียมเซ็นสัญญาเป็นพันธมิตรกับบริษัทไอทีรายใหญ่ เพื่อรุกธุรกิจสมาร์ท ซีเคียวริตี้ (Smart Security) ซึ่งเป็นธุรกิจที่ให้ (อัตรากำไร) มาร์จิ้นสูง ซึ่งเชื่อว่าะช่วยหนุนให้อัตรากำไรสุทธิของบริษัทในปีนี้ให้อยู่ที่ราว 10% ใกล้เคียงกับปีก่อน พร้อมกับเตรียมเข้าประมูลงานในทุกกกลุ่มธุรกิจที่เกียวข้องกับสมาร์ท ซีเคียวริตี้ (Smart Security) ดิจิทัลแพลตฟอร์ม (Digital Platform) และวิทยุสื่อสารดิจิตอล (Digital Trunk Radio) ซึ่งมีทั้งงานภาครัฐและภาคเอกชน มูลค่างานที่จะเข้าประมูลหลายพันล้านบาท ซึ่งจะทำให้บริษัทมี Backlog เพิ่มขึ้นรองรับรายได้ในอนาคต
สำหรับ AOT Digital Platform ของบมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) บริษัทเตรียมเปิดให้บริการในวันที่ 6 ส.ค.นี้ และคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 3/62 เป็นต้นไป ตลอดอายุสัญญาเป็นระยะเวลา 10 ปี โดยส่วนแบ่งรายได้ของบริษัทจะจากผู้โดยสารใช้บริการผ่าน AOT Mobile Application ที่มีฟังก์ชั่นให้บริการกว่า 20 รายการ เช่น บริการข้อมูลเที่ยวบิน การจองที่จอดรถ สิทธิพิเศษเพื่อซื้อสินค้าและบริการต่างๆภายในสนามบิน การสะสมและแลกคะแนน เป็นต้น ซึ่งในปี 62 คาดว่าจะรับรู้รายได้เข้ามาในช่วงเริ่มเปิดให้บริการถึงสิ้นปีนี้ที่ 30 ล้านบาท และในปี 63 คาดว่าการรับรู้รายได้เต็มปีอยู่ที่ 100 ล้านบาท
อีกทั้งบริษัทยังคงมองหาโอกาสการเข้ารับงานของ AOT อย่างต่อเนื่อง เช่น งานปรับปรุงสนามบินทั้ง 4 แห่ง ในอุดรธานี สกลนคร ตาก และชุมพร ที่มีมูลค่างานมากกว่า 1 พันล้านบาท โดยมีสัดส่วนงานที่เกี่ยวกับระบบไอทีอยู่ที่ 10-20% ส่วนธุรกิจดิจิตอลแพลตฟอร์ม (Digital Platform) อื่นๆ นอกจากการพัฒนาให้กับ AOT แล้ว บริษัทยังอยู่ระหว่างการเตรียมนำเสนอโครงการทำ Digital Platform ให้กับสนามบินประเทศอื่นๆเพื่อเชื่อมต่อระบบให้มีการใช้งานได้สะดวกสบายมากขึ้น คาดว่าจะมีความชัดเจนในไตรมาส 3/62
นายสิทธิเดช กล่าวว่า บริษัทยังอยู่ระหว่างการศึกษาการย้ายหุ้น SKY เข้าทำการซื้อ-ขายใน SET จากปัจจุบันที่ทำการซื้อ-ขายใน mai เพื่อเป็นการเพิ่มความสามารถในการรองรับงานให้มากขึ้น เพราะจะช่วยให้บริษัทมีช่องทางของแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น และมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น ส่งผลต่อการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่มีต้นทุนที่ต่ำลง ทำให้ต้นทุนการเงินของบริษัทลดลง และปัจจุบันขนาดธุรกิจของบริษัทสามารถเข้าไปซื้อ-ขายใน SET ได้ แต่ยังขอศึกษาความเหมาะสมต่างๆ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในปี 63