บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) เปิดเผย ในปี 50 จำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นทั้งหมดจำนวน 3,903,012 ราย สูงสุดตั้งแต่เปิดให้บริการ โดยมีลูกค้าโพสต์เพดและพรีเพดจำนวน 2,072,745 ราย และ 13,699,281 ราย ตามลำดับ
และในไตรมาส 4/50 มีจำนวนผู้ใช้บริการใหม่สุทธิ 893,961 ราย เพิ่มขึ้น 17.2% จากปีก่อนในไตรมาสเดียวกัน ทำให้มีจำนวนผู้ใช้บริการรวมสิ้นปี 50 ป็น 15,772,026 รายเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 29%
"DTAC มีจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้น 3.9 ล้านราย ซึ่งเป็นจำนวนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทำให้จำนวนลูกค้ารวมทั้งสิ้น ณ สิ้นปี 50 อยู่ที่ 15.8 ล้านราย อันเป็นผลมาจากการพัฒนาความแข็งแกร่งของตราสินค้า รวมถึงการขยายเครือข่ายและช่องทางการจัดจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง" บริษัทระบุ
นอกจากนี้เป็นผลจากความสำเร็จจากโปรโมชั่นบุฟเฟต์ในต้นปี 50 ส่งผลให้ลูกค้าที่ไม่เหมาะกับแพคเกจโพสต์เพดสมัครใช้บริการในโปรโมชั่นนี้อย่างมาก DTAC จึงอยู่ระหว่างการดำเนินการย้ายลูกค้ากลุ่มดังกล่าวไปยังแพคเกจที่เหมาะสมกว่า ในขณะที่ลูกค้าบางรายก็ยกเลิกการใช้บริการ
เหตุที่บริษัทมีกำไรสุทธิในปี 50 เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.3 มาเป็น 5,841.4 ล้านบาท จากปีก่อน เนื่องจากจำนวนผู้ใช้บริการเติบโตอย่างรวดเร็ว รายได้จากการให้บริการเพิ่มขึ้นในอัตราที่ต่ำกว่า ส่วนหนึ่งเป็นผลจากผู้ใช้บริการที่ใช้สองเลขหมาย ราคาน้ำมันที่สูงอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี รวมทั้งสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ยังไม่ดีขึ้น รายได้จากการให้บริการไม่รวม IC ในปี 2550 เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.6 จากจำนวนผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้น และหากรวมรายได้ IC จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 37.2 สำหรับ EBITDA เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.0 และ EBITDA Margin อยู่ที่ร้อยละ 28.6 ลดลงจากปีก่อนจากฐานรายได้ที่เพิ่มขึ้นจาก IC
ในต้นปี 50 การเริ่มคิดค่าเชื่อมต่อโครงข่าย (IC)ส่งผลให้อุตสาหกรรมโทรคมนาคมของไทยเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ผู้ให้บริการทุกรายจึงต้องทำการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ และมีความระมัดระวังเพิ่มขึ้นในการนำเสนออัตราค่าโทรที่ถูกมากเหมือนในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้ภาวะการแข่งขันโดยรวมปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี
นอกจากนี้ การคิดอัตราค่าโทรยังถูกแบ่งออกเป็นการโทรในเครือข่ายที่มีค่าโทรถูกกว่าและการโทรออกนอกเครือข่าย นอกจากจะทำให้ปริมาณการโทรในเครือข่าย และจำนวนผู้ใช้บริการที่ใช้สองเลขหมายเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งส่งผลกระทบทางลบกับรายได้เฉลี่ยต่อเลขหมายต่อเดือนในปีที่ผ่านมาแล้ว ยังทำให้ให้จำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างมาก และทำให้ภาระต้นทุนการเชื่อมต่อโครงข่ายสุทธิลดลงตลอดทั้งปี
สำหรับรายได้เฉลี่ยต่อเลขหมายต่อเดือน (ARPU)ในปี 50 Blended ARPU เท่ากับ 374 บาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 5.3 โดยมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ที่มาจากจำนวนนาทีในการรับสายโทรเข้า Blended ARPU ที่ไม่รวม IC ลดลงร้อยละ 19.2 จากผลของ ผู้ใช้บริการที่ใช้สองเลขหมาย การลดลงของค่าโทรเฉลี่ยต่อนาที และการเพิ่มขึ้นของลูกค้ากลุ่มพรีเพด
ทั้งนี้ กำไรสุทธิในไตรมาส 4/50 เท่ากับ 1,587 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.6 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และร้อยละ 16.5 จากไตรมาสก่อน สาเหตุหลักมาจากการลดลงของต้นทุนทางการเงินและภาระการเชื่อมต่อโครงข่ายสุทธิ ในปี 2550 กำไรสุทธิ เท่ากับ 5,841 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.3 จากปีก่อน
--อินโฟเควสท์ โดย เสาวลักษณ์ อวยพร/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--