นางสาววิไลลักษณ์ สกุลภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. โปรเฟสชันแนล เวสต์ เทคโนโลยี (1999) หรือ PRO เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าไม่เกินไตรมาส 1/63 จะยื่นขออนุญาตนำหุ้น PRO กลับเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในระบบปกติ หลังจากผลประกอบของบริษัทในช่วงที่ผ่านมามีกำไรมาอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา แต่เบื้องต้นยังมีขาดทุนสะสมประมาณ 700 ล้านบาท ซึ่งเบื้องต้นยังไม่สามารถระบุแนวทางของแผนล้างขาดทุนสะสมได้
ทั้งนี้ PRO แจ้งผลประกอบการปี 57 กำไร 6.93 ล้านบาท, ปี 58 กำไร 125.36 ล้านบาท, ปี 59 กำไร 2.22 ล้านบาท, ปี 60 กำไร 20.04 ล้านบาท และปี 61 กำไร 33.43 ล้านบาท
ขณะที่ไตรมาส 1/62 บริษัทยังเติบโตต่อเนื่อง โดยมีรายได้รวม 76 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 54 ล้านบาทจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 13 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากกำไรสุทธิ 4.5 แสนบาทในไตรมาส 1/61
นางสาววิไลลักษณ์ กล่าวว่า สำหรับผลประกอบการในปี 62 บริษัทตั้งเป้ารายได้ราว 300 ล้านบาท สูงกว่าปี 61 ที่ทำรายได้ 274 ล้านบาท ด้วยการขยายหาโอกาสรับงานบำบัดของเสียจากอุตสาหกรรมให้มากขึ้นและขยายพื้นที่ครอบคลุมลูกค้าทั่วประเทศ จากเดิมที่บำบัดของเสียแค่เพียงกลุ่มจังหวัดชลบุรี จังหวัดระยอง และจังหวัดปราจีนบุรี
บริษัทได้วางงบลงทุนไว้ราว 80 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงโรงงานและเครื่องจักรขณะเดียวกันบริษัทมีแผนจะนำเทคโนโลยีแบบใหม่เข้ามาช่วยในการกำจัดขยะเพื่อให้เกิดมูลค่ามากยิ่งขึ้น โดยคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ตั้งแต่ในไตรมาส 4/62
"จุดเด่นของ PRO มีหลายประการ คือ บริษัทเป็นผู้ให้บริการรับบำบัดของเสียอุตสาหกรรม ทั้งที่เป็นอันตรายและไม่เป็นอันตราย โดยมีพื้นที่ของโครงการขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศ ซึ่งพื้นที่ที่ใช้งานในปัจจุบันใช้ไปเพียง 1 ใน 3 ของพื้นที่ทั้งหมดเท่านั้น ทำให้ PRO มีศักยภาพในการรองรับกากของเสียให้บริการได้อีกไม่ต่ำกว่า 30 ปี ในขณะที่สถานะการเงินเข้มแข็ง มีอัตรากำไรสุทธิที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และไม่มีหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย" นางสาววิไลลักษณ์ กล่าว
ส่วนกรณีที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ประกาศให้หุ้น PRO เป็น 1 ใน 16 หลักทรัพย์ที่ถูกขึ้น SP ต่อเนื่องนายเกินกว่า 3 เดือน และจะเปิดให้ซื้อขายเป็นการชั่วคราว ระหว่างวันที่ 1-31 ก.ค.62 นั้น นางสาววิไลลักษณ์ กล่าวว่า อยากให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นบริษัท เนื่องจากปัจจุบันบริษัทมีแผนการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง และหากมีความต้องการที่จะเข้าชมโรงงานก็สามารถติดต่อเพื่อเข้าเยี่ยมชมถึงความคืบหน้าในการขยายงานต่อไป
ด้านนายพลพิพัฒน์ ศรีสุวรรณ กรรมการบริหาร เปิดเผยว่า ธุรกิจหลักของ PRO คือ 1. การกำจัดกากอุตสาหกรรม ที่ไม่เป็นอันตรายและเป็นอันตราย ซึ่งใช้ระบบฝังอย่างปลอดภัยและถูกหลักสุขาภิบาล (Sanitary & Secure Landfill) โดยมี ศูนย์บำบัดกากอุตสาหกรรม จังหวัดสระแก้ว พื้นที่ 918 ไร่ โดยมีกำลังการผลิตการกำจัดกากอุตสาหกรรมแบบที่เป็นอันตราย 82,500 ตันต่อปี และมีกำลังการผลิตการกำจัดกากอุตสาหกรรมแบบที่ไม่เป็นอันตราย 330,000 ตันต่อปี
บริษัทได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน ลำดับที่ 101, 105, 106 ที่ได้รับจากกรมโรงงานกระทรวงอุตสาหกรรมและความเห็นชอบในรายงานผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากสำนักงานนโยบายสิ่งแวดล้อม เป็นใบอนุญาตความเห็นชอบที่ไม่มีข้อจำกัดเรื่องระยะเวลา และไม่ต้องต่ออายุ
2. การนำของเสียมาใช้รีไซเคิล คือการทำเชื้อเพลิงผสม เป็นระบบที่ใช้ในการผสมและปรับสภาพกากของเสียที่มีความร้อน ให้กลายเป็นพลังงานทดแทนหรือเชื้อเพลิงทดแทนสำหรับเตาเผาโรงงานปูนซีเมนต์ และ 3. ระบบบำบัดน้ำเสียที่เป็นอันตรายและไม่เป็นอันตราย จากหลุมฝังกลบและน้ำเสียจากกิจกรรมต่างๆในโรงงาน ซึ่งมีความสามารถในการบำบัดสูงสุด 70-125 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน
บริษัทมีแผนและนโยบายในการพัฒนาและเพิ่มศักยภาพในการให้บริการโดยในปีที่ผ่านมามีการก่อสร้างอาคารห้องปฎิบัติการแห่งใหม่ เพื่อรองรับการวิเคราะห์กากอันตราย ซึ่งจะมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นในอนาคต และมีแผนในการก่อสร้างโรงงานทำปุ๋ยและโรงงานทำอิฐบล็อกเพื่อนำกากอุตสาหกรรมบางชนิดให้สามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์ได้อีก
นอกจากนี้ บริษัทได้รับประโยชน์จากนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ของรัฐบาลที่ส่งเสริมการลงทุนในภาคอุตสาหกรรม ทำให้มีการเปิดโรงงานอุตสาหกรรมเพิ่มมากขึ้นกว่า 20,000 โรงงานในเขตจังหวัด ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา สระแก้ว และ ปราจีนบุรี ทำให้บริษัทมีโอกาสได้งานเพิ่มมากขึ้น