นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ. อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค (ECF) กล่าวว่า จากการร่วมลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ที่เมืองมินบู ประเทศสาธารณรัฐสหภาพเมียนมา ช่วยเปิดโอกาสในการขยายธุรกิจพลังงานทดแทนในต่างประเทศมากขึ้น คาดว่าอาจมีโครงการร่วมทุนกับพันธมิตรทั้ง บมจ.สแกน อินเตอร์ (SCN) และ บมจ.เมตะ คอร์ปอเรชั่น (META) เพิ่มเติมในอนาคต
ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างศึกษาเข้าลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนทุกประเภทในต่างประเทศ จะเป็นทั้งการร่วมทุนหรือบริษัทเข้าไปขยายลงทุนเอง ทั้งนี้ ตั้งเป้าหมายว่าภายในปี 2565 บริษัทมีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 150 เมกะวัตต์ ล่าสุดบริษัทมีโรงไฟฟ้าภายใต้การบริหารและ COD แล้วคือโรงไฟฟ้าชีวมวลขนาด 7.5 เมกะวัตต์ ,ไบโอแมสขนาด 2.5 เมกะวัตต์ ไม่นับรวมโรงไฟฟ้ามินบูที่เตรียม COD ในไตรมาส 3/62 ทั้งนี้ ช่วยผลักดันสัดส่วนกำไรจากธุรกิจพลังงานทดแทนขึ้นไปแตะ 60-70% จากปัจจุบันมีสัดส่วนต่ำกว่า 20% สร้างความมั่นคงการเติบโตรายได้และกำไรในระยะยาว
นายอารักษ์ กล่าวว่า ถ้านับรวมกับแผนขยายธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ ทั้งในและต่างประเทศ ส่งผลให้ทิศทางรายได้ทั้งปีเติบโตตามเป้า 10-12% จากปีก่อนที่มีรายได้ 1,504 ล้านบาท