(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับขึ้นตามตลาดภูมิภาค ตอบรับเจรจาการค้าสหรัฐ-จีนออกมาในเชิงบวก

นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวขึ้นตามตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ส่วนใหญ่จะเคลื่อนไหวในแดนบวกกัน ตอบรับผลประชุมระหว่างประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ได้ตกลงที่จะสงบศึกการค้า ในการเจรจานอกรอบการประชุม G20 ซึ่งก็ออกมาตามที่ตลาดคาดไว้ อย่างไรก็ดี การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนยังต้องติดตามดูความคืบหน้าต่อไป

ส่วนการประชุมกลุ่มโอเปกในวันที่ 1-2 ก.ค.นี้ ก็คาดว่าจะคงลดกำลังการผลิตน้ำมัน ซึ่งก็น่าจะเป็นบวกต่อหุ้นในกลุ่มน้ำมัน และกลุ่มขนส่ง น่าจะฟื้นตัวขึ้นได้ หลังจากที่ราคาหุ้นยัง Laggard อยู่ โดย Sentiment ตลาดฯดีขึ้นด้วย

สำหรับวันนี้ให้ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของไทย และตัวเลข PMI ภาคการผลิตของหลายประเทศที่จะทยอยประกาศออกมา พร้อมให้แนวรับ 1,720-1,715 จุด ส่วนแนวต้าน 1,740-1,750 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

• ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (28 มิ.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,599.96 จุด เพิ่มขึ้น 73.38 จุด (+0.28%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,941.76 จุด เพิ่มขึ้น 16.84 จุด (+0.58%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,006.24 จุด เพิ่มขึ้น 38.49 จุด (+0.48%)
• ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 290.35 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเพิ่มขึ้น 45.74 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 90.47 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 16.62 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 17.97 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 2.78 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 11.76 จุด

ส่วนตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันสถาปนาเขตปกครองพิเศษฮ่องกง

• ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (28 มิ.ย.62) 1,730.34 จุด ลดลง 1.30 จุด (-0.08%)
• นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 332.57 ล้านบาท เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.2562
• ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (28 มิ.ย.62) ปิดที่ 58.47 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 96 เซนต์ หรือ 1.6%
• ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (28 มิ.ย.62) ที่ 3.81 ดอลลาร์/บาร์เรล
• เงินบาทเปิด 30.68 แกว่งแคบ นลท.รอดูตัวเลขเงินเฟ้อไทย-ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ มองกรอบวันนี้ 30.65-30.75
• "แบงก์ชาติ" ยอมรับความเสี่ยงเศรษฐกิจไทยสูงขึ้น แต่ยังห่างไกลวิกฤติ ขณะโอกาสเกิดภาวะถดถอยมีน้อย ย้ำชัดความเสี่ยงส่วนใหญ่มาจากภาคต่างประเทศ ชี้หากเศรษฐกิจโลกถดถอยไทยส่อหนีไม่พ้น ส่วนปัจจัยในประเทศต้องติดตาม "ภาคอสังหาฯ-หนี้ครัวเรือน" แต่มั่นใจไม่เป็นต้นเหตุวิกฤติ ผู้ประกอบการอสังหาฯชะลอเปิดโครงการ หวั่นซ้ำรอยปี 40
• บอร์ด รฟม. เบรกรถไฟฟ้าสีเหลืองส่วนต่อขยายเชื่อมสีเขียว สั่งเคลียร์ปัญหาหลัง BEM ร้องกระทบสัมปทานสีน้ำเงิน ขณะที่เห็นชอบสีชมพู ต่อขยาย เสนอ กก. มาตรา 43 ก่อนเสนอ ครม.ตามขั้นตอน
• "ธอส." ยิ้มออก ธปท.ปลดล็อกเกณฑ์มาตรการ LTV ลุ้นดันยอดปล่อยสินเชื่อปีนี้วิ่งฉลุยตามเป้าหมายที่ 2.03 แสนล้านบาท พร้อมประเดิมปล่อยกู้ผู้ประกอบการ 100 ล้านบาท ลุยก่อสร้างโครงการบ้านล้านหลัง ฟุ้งเคาะสินเชื่อให้ประชาชนแล้ว 7.79 พันราย คิดเป็นวงเงิน 5.47 พันล้านบาท
• ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจเพื่อการปฏิรูปสถาบันเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยว่า ระบบเศรษฐกิจโลกจะเคลื่อนตัวสู่การเป็นระบบเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) มากขึ้นตามลำดับธุรกรรมต่างๆ ทางเศรษฐกิจจะเกิดขึ้นในโลกออนไลน์และตลาดเสมือนจริง มากขึ้นอย่างก้าวกระโดด

*หุ้นเด่นวันนี้

• J-W1 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบมจ.เจเอเอส แอสเซ็ท (J) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 156,480,124 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 2.00 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 3 ปีนับแต่วันออกใบสำคัญแสดงสิทธิ (12 มิถุนายน 2562) ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 30 ก.ย. 2562 ส่วนวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 10 มิ.ย. 2565¶
• HPT-W1 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบมจ. โฮม พอตเทอรี่ (HPT) มีจำนวน 110,498,564 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 0.50 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 2 ปี นับแต่วันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ 6 มิถุนายน 2562 ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 30 ธ.ค. 2562 ส่วนวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 4 มิ.ย. 2564¶
• PTTEP (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 150 บาท ได้ Sentiment บวกราคาน้ำมันดิบฟื้นตัวแรงคาดหวัง OPEC ขยายเวลาลดกำลังการผลิต ด้านปริมาณขาย PTTEP ยังมีปริมาณขายเพิ่มขึ้นจากการเข้าซื้อกิจการของ Murphy Oil ของมาเลเซียหนุนปริมาณขายเพิ่มขึ้น 5% ในปีนี้และ 14% ในปีหน้า และยังมีการเข้าซื้อพาร์เท็กซ์โฮลดิ้ง ในตะวันออกกลางช่วยหนุนการผลิตและขาย
• RATCH (เคทีบี) "ซื้อ"เป้าเชิงกลยุทธ์ 70 บาท ยังมี upside จากการลงทุนอีกมาก โดย 3 เหตุผลที่ควรซื้อ RATCH 1) ราคาหุ้นมี Upside จากการเติบโตของกำไรที่จะทำ All time high ปีนี้ 2) ได้กำลังผลิตใหม่เพิ่ม 1400MW เป็นทดแทนของเก่า 700MW และเพิ่มใหม่อีก 700MW ที่อยู่ระหว่างเซ็น PPA เร็วนี้ 3) อยู่ระหว่างการประกาศ Partner ใหม่เข้าร่วมในส่วนเพิ่ม 700MW ซึ่งจะช่วยต่อยอดธุรกิจในอนาคต และ 4) คาด Q2/62 จะเติบโตดี จากการ COD โรงไฟฟ้าเบิกไพรไหม่ 34.7MW ทั้งนี้ คาดกำไรสุทธิปีนี้ 6,909 ล้านบาท โต 24% (Bloomberg Consensus) สูงสุดในรอบ 5 ปี