นายธนพล บุญวรุตม์ ประธานกรรมการ บมจ. ไทยเศรษฐกิจประกันภัย (TSI) เปิดเผยว่า ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 28 มิ.ย.62 มีมติอนุมัติให้ลดทุนจดทะเบียนบริษัทจาก 1,326,518,451 บาท เป็น 1,081,754,992 บาท ด้วยการยกเลิกหุ้นสามัญที่ได้จดทะเบียนไว้แล้ว แต่ยังไม่ได้ออกจำหน่ายจำนวน 244,763,459 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท
จากนั้นให้ลดทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ จำนวน 540,877,496 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่จำนวน 540,877,496 บาท ด้วยการลดมูลค่าที่ตราไว้ของหุ้น (Par Value) จากหุ้นละ 1.00 บาท เป็นหุ้นละ 0.50 บาท เพื่อหักลบส่วนต่ำกว่ามูลค่าหุ้นและชดเชยผลขาดทุนสะสมบางส่วน โดยมีจำนวนหุ้นคงเดิมเท่ากับ 1,081,754,992 หุ้น
นอกจากนี้ ผู้ถือหุ้นยังมีมติอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนไม่เกิน 1,244,018,240.50 บาท แบ่งเป็น การออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 2,163,509,984 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็นเงินเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 1,081,754,992 บาท เพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Right Offering) ในอัตรา 1 หุ้นสามัญเดิม ต่อ 2 หุ้นสามัญที่ออกใหม่ และการออกหุ้นสามัญแบบมอบอำนาจทั่วไปเพื่อจัดสรร General Mandate by Right Offering จำนวนไม่เกิน 324,526,497 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็นเงินเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 162,263,248.50 บาท
นายธนพล กล่าวว่า การเพิ่มทุนครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่ TSI ทั้งในด้านการดำเนินงานและด้านเงินทุน โดยมีแผนที่จะนำเงินที่ได้รับจากการเพิ่มทุนไปใช้ 3 แนวทาง คือ การขยายงานและเพิ่มสภาพคล่องของบริษัทฯ การใช้เป็นเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามประกาศและข้อกำหนดของคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ทั้งเงินกองทุนตามระดับความเสี่ยง (Risk Based Capital) และการดำรงเงินกองทุนอื่นสำหรับการประกอบธุรกิจประกันภัย
อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 1/62 บริษัทมีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุน (CAR) อยู่ที่ 254.35% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กำหนดไว้ นอกจากนี้ยังเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาเครื่องหมาย C ตามเกณฑ์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ด้านนางสาวอรลดา เผ่าวิบูล รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ TSI กล่าวว่า ภายหลังที่ผู้ถือหุ้นอนุมัติแผนแก้ไขฐานะทางการเงินแล้ว บริษัทฯ กำหนดให้วันที่ 20 ก.ย.62 เป็นวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิในการจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนแบบ RO และหลังจากนั้นก็จะเดินหน้าตามแผนธุรกิจในการรุกงานรับประกันภัยคุณภาพด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และการบริการลูกค้าควบคู่กับการพัฒนาศักยภาพบุคลากรเพื่อให้องค์กรสามารถเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว โดยบริษัทฯ วางเป้าหมายเบี้ยประกันภัยรับอยู่ที่ 1,400 ล้านบาทในอีก 3 ปีข้างหน้า
"ปัจจุบัน บริษัทฯ ยังคงพัฒนาระบบงานภายในให้มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีนโยบายในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้ามากขึ้นโดยเฉพาะในต่างจังหวัด ซึ่งบริษัทฯมีเป้าหมายจะขยายงานรับประกันภัยเพิ่มขึ้น โดยตั้งแต่ต้นปีผ่านมามีการจัดกิจกรรมเดินสายพบปะโบรกเกอร์ตัวแทนในจังหวัดต่าง ๆ เพื่อรับฟังปัญหาซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี โดยบริษัทฯ จะนำข้อคิดเห็นมาปรับปรุงเพื่อให้การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการให้บริการที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มต่อไป" นางสาวอรลดา กล่าว