(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งแคบหลังตอบรับการผ่อนคลายสงครามการค้าไปแล้ว-โอเปกขยายเวลาลดผลิตน้ำมันตามคาด

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday July 2, 2019 09:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งแคบ โดยดัชนีฯคงจะเคลื่อนไหวในแดนบวก-ลบไม่มาก หลังจากปรับตัวขึ้นมาตอบรับปัจจัยบวกในเรื่องการผ่อนคลายสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนไปในระดับหนึ่งแล้ว และการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) เมื่อวานนี้ สมาชิกโอเปกส่วนใหญ่สนับสนุนการขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตออกไปอีก 9 เดือน แต่ก็ไม่ได้สร้าง Surprise อะไร

สิ่งที่นักลงทุนจะหันไปมองต่อไปเป็นการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในช่วงปลายเดือนก.ค.นี้ ซึ่งต้องรอดูว่าการส่งสัญญาณจากเฟดในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะมีการเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ หลังจากที่มีการผ่อนคลายสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ซึ่งเฟดอาจจะชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยก็ได้

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวในแดนลบเล็กน้อยราว 0.2% นอกจากนี้ ให้ระวังแรงขายทำกำไรในหุ้นที่ลงทุนแล้วปลอดภัย อย่างหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้า หลังจากที่ราคาได้ปรับขึ้นไปมากแล้ว

พร้อมให้แนวรับ 1,720 จุด ส่วนแนวต้าน 1,750 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (1 ก.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,717.43 จุด เพิ่มขึ้น 117.47 จุด (+0.44%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,964.33 จุด เพิ่มขึ้น 22.57 จุด (+0.77%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,091.16 จุด เพิ่มขึ้น 84.92 จุด (+1.06%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 361.42 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 2.16 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 5.49 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 2.32 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 17.45 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 7.67 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 30.54 จุด, ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย เพิ่มขึ้น 8.53 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (1 ก.ค.62) 1,740.91 จุด เพิ่มขึ้น 10.57 จุด (+0.61%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 4,712.36 ล้านบาท เมื่อวันที่ 1 ก.ค.2562
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (1 ก.ค.62) ปิดที่ 59.09 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 62 เซนต์ หรือ 1.1%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (1 ก.ค.62) ที่ 5.57 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 30.72 ตลาดคลายกังวลสงครามการค้า มองกรอบวันนี้ 30.65-30.70
  • "แบงก์ชาติ" ลดวงเงินออกบอนด์ระยะสั้น 3 รุ่น รวมวงเงิน 2 หมื่นล้านบาท นักวิเคราะห์ ฟันธงหวังลดแรงเก็งกำไรค่าเงินบาท แต่เชื่อได้ผลน้อย เหตุในอดีตเคยดำเนินมาตรการนี้แล้ว แต่ยังพบทุนนอกไหลเข้าต่อเนื่อง ผ่านบอนด์ระยะยาว ขณะค่าเงินบาทล่าสุด แข็งแตะระดับ 30.52 บาทต่อดอลลาร์ สูงสุดรอบ 6 ปี
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย รายงานค่าเงินบาท วันที่ 1 กรกฎาคม 2562 แข็งค่าสุดในรอบ 6 ปี ครั้งใหม่ที่ 30.52 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งขณะนี้ธปท. ได้มีการปรับลดวงเงินการออกพันธบัตรระยะสั้นอีกครั้ง ซึ่งแม้จะไม่มีการประกาศโดยตรงว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นมาตรการดูแลค่าเงินบาท โดยวงเงินประมูลพันธบัตรระยะสั้นของ ธปท.จะปรับลดลงในเดือนกรกฎาคมนี้ ทั้งในส่วนของพันธบัตร ธปท.อายุ 3 เดือน พันธบัตรอายุ 6 เดือน และพันธบัตรอายุ 1 ปี โดยวงเงินการออกพันธบัตร ธปท. ระยะสั้น 3 เดือน และพันธบัตรระยะ 6 เดือน ลดลงประเภทละ 5,000 ล้านบาทต่อสัปดาห์ ขณะที่วงเงินการออกพันธบัตร ธปท. อายุ 1 ปี ลดลง 10,000 ล้านบาท ในเดือนกรกฎาคม 2562
  • ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า(สนค.) กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) หรืออัตราเงินเฟ้อในเดือนมิ.ย.62 อยู่ที่ 102.94 ขยายตัว 0.87% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 0.36% จากเดือนพ.ค.62 ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-มิ.ย.) ขยายตัวเฉลี่ย 0.92%
  • ททท.ทำใจปรับเป้ารายได้ทั้งปีหด 2 หมื่นล้านบาท เหลือ 3.38 ล้านล้านบาท ขยายตัว 9.5% รายได้จากต่างชาติ 2.21 ล้านล้านบาท ชี้เหตุปัจจัยลบรุมเร้าทั้งภายในและภายนอก ทั้งสงครามการค้า เงินบาทแข็งค่า ขันน็อต ททท.ทั่วโลกเร่งตีปี๊บดึงเที่ยวไทย

*หุ้นเด่นวันนี้

  • TOP (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 75 บาท ได้อานิสงส์จาก 1. การพักรบชั่วคราวของสหรัฐ-จีน 2. ลุ้นราคาน้ำมันรีบาวด์ต่อหาก OPEC และพันธมิตรต่อเวลาลดกำลังการผลิตน้ำมันอีก 6-9 เดือน ซึ่งคาดว่าจะรู้ผลชัดเจนวันนี้ 3. ได้ประโยชน์จากบาทแข็ง ด้านปริมาณ short sales ของ TOP สูงขึ้นกว่าปกติในช่วงปลายเดือน มิ.ย. แต่ราคาหุ้นกลับขยับสูงขึ้น คาดว่าจะมีแรง cover short กลับ แต่ไม่ได้คาดหวังกับกำไร Q2/62 เพราะแม้ค่าการกลั่นจะฟื้นแต่ส่วนต่างอะโรเมติกส์กลับอ่อนแอ แต่ก็สะท้อนในราคาหุ้นแล้วและคาดกำไรดีขึ้นใน H2/62
  • THANI (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า IAA Consensus 7.7 บาท คาดกำไรสุทธิ Q2/62 ยังโตต่อเนื่องจากยอดสินเชื่อที่ยังขยายตัว อีกทั้งยังมีโอกาสกลับรายการสำรองเข้ามาเป็นกำไรเพิ่มเติมเนื่องจากที่ผ่านมาบริษัทตั้งสำรองไว้เกินกว่าที่เกณฑ์ของแบงก์ชาติกำหนดไว้ ขณะที่ปีหน้าคาดต้นทุนดอกเบี้ยลดลง เพราะมีหุ้นกู้ครบกำหนดรวมกว่า 14,000 ล้านบาท จึงได้ประโยชน์โดยตรงจากทิศทางดอกเบี้ยขาลง
  • AEONTS (ดีบีเอส วิคเคอร์ส) "ซื้อ"เป้า 250 บาท คาดการณ์กำไร Q1 ปี 62/63 (มี.ค.-พ.ค.62) ยังแกร่ง แม้จะลดลง 1.7% y-o-y แต่เพิ่มขึ้น 11.6% q-o-q เป็น 911 ล้านบาท คาดเป็นสัดส่วน 23.4% จากประมาณการทั้งปี 62/63 แนวโน้มอัตราการเติบโตสินเชื่อประเภทบุคคลแข็งแกร่ง รวมทั้งค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่ต่ำลง ยังผลให้กำไรมีผลการดำเนินงานที่ดีสำหรับ Q1 ปี 62/63 สเปรดยังคงระดับที่ดีเป็น 20% ด้านธุรกิจยังต่างประเทศมีแนวโน้มที่ดี ตั้งอยู่ใน CLMV คือ กัมพูชา ลาว และเมียนมา แต่สัดส่วนการให้กำไรยังต่ำที่ 4% พร้อมคาดการณ์อัตราการเติบโตกำไรปี 62/63 (สิ้นสุด ก.พ.63) อยู่ในเกณฑ์ที่ดีเป็น 11.2% y-o-y

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ