บล.ทิสโก้ คาด SET ก.ค.แตะ 1,760 จุดรับข่าวสงบศึกสงครามการค้าชั่วคราว จับตา H2 มีลุ้นทะยานทะลุ 1,800 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday July 2, 2019 10:56 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิวัฒน์ เตชะพูลผล รองกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ทางเทคนิค บล.ทิสโก้ กล่าวถึงภาพรวมตลาดหุ้นไทยในงานสัมมนา TISCO Monthly Guru Updates ว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) ในเดือน ก.ค.62 จะปรับตัวขึ้นไปแตะแนวต้านที่ระดับ 1,760 จุดได้ หลังสหรัฐและจีนมีท่าทีจะสงบศึกสงครามการค้าชั่วคราว พร้อมทั้งรับแรงหนุนจากนโยบายการเงินผ่อนคลายทั่วโลก โดยเฉพาะธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คาดว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมวันที่ 31 ก.ค.นี้

ขณะที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ก็พร้อมจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง และทำ QE รอบใหม่ หากเศรษฐกิจทรุดตัวจากผลกระทบของสงครามการค้า ส่วนธนาคารกลางจีน (PBoC) อาจจะปรับลดอัตราส่วนเงินกันสำรองขั้นต่ำของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ลงอย่างน้อย 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25-0.50% ด้านธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) น่าจะเริ่มส่งสัญญาณลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไป

"ที่ผ่านมาธปท. มักจะดำเนินนโยบายการเงินที่สอดคล้องไปกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลก และตอนนี้เงินบาทยังแข็งค่าที่สุดในรอบ 6 ปี จึงประเมินว่าในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 7 สิงหาคมนี้ อาจจะเริ่มเห็นการส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยลง ซึ่งจะหนุนให้หุ้นไทยโดยเฉพาะกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้" นายวิวัฒน์กล่าว

ในดือนนี้แนะนำให้เข้าซื้อเมื่อดัชนีลงมาที่แนวรับ 1,705-1,720 จุด แบ่งออกเป็น 4 ธีมหลัก คือ 1.ธีมผลประกอบการไตรมาส 2/62 ที่คาดว่าจะประกาศออกมาดี ได้แก่ EASTW, CK, MAJOR และ SCCC

2.ธีมหุ้นที่เป็นเป้าหมายของเงินทุนต่างชาติ และราคายังมี Upside ได้แก่ BBL, INTUCH, LH และ GPSC

3.ธีมหุ้นที่ได้ผลเชิงบวกจากเมกะโปรเจกต์ และการบริโภคในประเทศ ได้แก่ CPALL, STEC และ ROJNA

4.ธีมหุ้นปรับขึ้นน้อยกว่าตลาด ซึ่งแนะนำให้เข้าซื้อเมื่อราคาปิดวันเพิ่มขึ้นกว่า 2% เมื่อเทียบจากวันก่อนหน้า ได้แก่ TMB, PTTEP, BCP, PTTGC, IRPC และ LPN

นายวิวัฒน์ กล่าวอีกว่า หลังจากนี้ต้องจับตาว่าดัชนีหุ้นไทยจะสามารถผ่านแนวต้านสำคัญที่ 1,760 จุดได้หรือไม่ ซึ่งหากสามารถยืนเหนือระดับดังกล่าวได้ หุ้นไทยจะปรับขึ้นไปทำแนวต้านต่อไปที่ 1,810 จุด และมีแนวต้านถัดไปที่ 1,850 จุด โดยมีแรงหนุนสำคัญจากแรงซื้อคืนของนักลงทุนต่างชาติที่กลับมามีสถานะซื้อสุทธิ 4.6 หมื่นล้านบาทในเดือน มิ.ย.62 และในช่วงหลังจากนี้จนถึงสิ้นปี 62 บล.ทิสโก้คาดว่าจะมีแรงซื้อเข้ามาอีก 6 หมื่นล้านบาท เนื่องจากในช่วง 6 ปีที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยสะสมมากถึง 6 แสนล้านบาท หรือเฉลี่ยปีละ 1 แสนล้านบาท จึงมีโอกาสที่นักลงทุนต่างชาติจะเข้าซื้อเท่ากับค่าเฉลี่ยที่เคยเทขายไป

ประกอบกับ นักลงทุนต่างชาติถือครองหุ้นไทยอยู่ในระดับต่ำมากเพียง 28.2% ต่ำกว่าช่วงวิกฤติเศรษฐกิจปี 51 และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่ปกติจะถือครองหุ้นไทยอยู่ที่ 31-32% และจากการศึกษาข้อมูลในอดีตทุกๆ 1 หมื่นล้านบาทที่นักลงทุนต่างชาติซื้อหรือขายสุทธิจะมีผลให้ดัชนีหุ้นไทยเปลี่ยนแปลงขึ้นหรือลง 22-23 จุด นอกจากนี้ อาจจะมีข่าวดีจากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐบาลชุดใหม่เพื่อลดปัญหารัฐบาลไร้เสถียรภาพ

ประกอบกับมีโอกาสที่ประเทศไทยจะได้รับการปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือ (Rating) ขึ้น หลังจากไม่ปรับมากว่า 13 ปีแล้ว เนื่องจากประเทศไทยกลับเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยอีกครั้ง อีกทั้งปัจจัยพื้นฐานของประเทศยังแข็งแกร่งขึ้นมากเมื่อเทียบกับอดีต และแข็งแกร่งกว่าบางประเทศที่ที่มีอันดับสูงกว่าไทย รวมทั้งอนุพันธ์ป้องกันความเสี่ยงจากการผิดนัดลดลงต่อเนื่องมาอยู่ในระดับต่ำเทียบเท่ากับช่วงก่อนเกิดวิกฤติเศรษฐกิจปี 51 และคาดว่าหากมีการปรับเพิ่มอันดับจริงจะทำให้นักลงทุนต่างชาติกลับมาสนใจประเทศไทยมากขึ้นอีก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ