นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) กล่าวว่า ในปี 51 ตั้งเป้าจะผลักดันให้มีบริษัทเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยมากกว่า 50 รายจากที่มีบริษัทยื่นขอเข้าตลาดแล้ว 107 บริษัท ซึ่งขณะนี้ทางตลาดฯ ได้เร่งหาแนวทางสนับสนุนต่างๆ โดยเตรียมเสนอแผนงานพัฒนาตลาดทุนต่อรองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลังในเร็ว ๆ นี้
"ตลาดฯจะต้องพยายามนำบริษัทเข้าจดทะเบียนมากที่สุด ปีนี้ราว 50 กว่าบริษัท มากที่สุดเท่าที่เคยทำมา เราก็พยายามที่จะนำบริษัทจดทะเบียนให้ได้มากที่สุด เราต้องทำเรื่องนี้ให้เต็มที่"นายปกรณ์ กล่าว
ในด้านดีมานด์ ก็จะมีแผนออกไปโรดโชว์เพื่อนำเสนอข้อมูลในด้านต่าง ๆ ต่อนักลงทุนต่างชาติ และเตรียมนำเสนอแผนงานการพัฒนาตลาดทุนต่อรัฐบาลชุดใหม่ โดยเน้นว่าตลาดหลักทรัพย์มีส่วนสำคัญต่อเศรษฐกิจไทย ซึ่งคณะอนุกรรมการขยายฐานผู้ลงทุนจะประชุมกันในวันที่ 25 ก.พ.นี้
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลท.กล่าวว่า ตลท.เตรียมออไปโรดชว์ที่ญี่ปุ่นและตะวันออกลาง เพราะเป็นแหล่งนักลงทุนที่มีฐานเงินทุนสง และมีความพร้อมที่จะเข้ามาลงทุน โดยจะนำเสนอรมว.คลังในประเด็นการโรดโชว์ด้วย
และหากมีการยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30% เชื่อว่าจะส่งผลดีด้านจิตวิทยาต่อตลาดหุ้นไทย และจะยิ่งมีผลดีต่อตลาดตราสารหนี้ และ กองทุนอสังหาริมทรัพย์
"เรื่อง capital control เราเชื่อว่ามีประโยชน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดพันธบัตร ตลาดตราสารหนี้ แต่จะเลิกไม่เลิกก็ขอให้ดูให้รอบคอบ ...ไม่ได้ห่วงเงินไปไหน แต่เมื่อเข้ามาแล้ว เอาไปใช้เป็นประโยชน์ภาพรวมหรือเปล่า" นางภัทรียา กล่าว
นอกจากนี้ นางภัทรียา ยังแสดงความเห็นสนับสนุนการจัดตั้งกองทุนวายุภักษ์ 2 ที่ทางกระทรวงคลังมีแนวคิดจะจัดตั้งอีกครั้ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทางตลาดหลักทรัพย์ได้เคยนำเสนอการจัดตั้งกองทุนราว 1 แสนล้านบาทใกล้เคียงกับกองทุนวายุภักษ์ 1 โดยจะนำหลักทรัพย์ที่กระทรวงคลังถืออยู่นำเข้าไปเป็นทรัพย์สินในกระทรวงคลัง เพื่อนำไปเป็นทุนในการดำเนินโครงการเมกะโปรเจกท์ อย่างไรก็ตามในการจัดตั้งกองทุนวายุภักษ์ 2 ครั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่ากระทรวงการคลังจะเลือกหลักทรัพย์ใดที่กระทรวงคลังถืออยู่เข้ามาเป็นทรัพย์สินในกองทุนนี้
*เตรียมยื่นสมุดปกขาวพัฒนาตลาดทุนให้"หมอเลี๊ยบ"
นายปกรณ์ กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ กับสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ได้จัดทำสมุดปกขาวเสร็จแล้วเพื่อเสนอให้กับน.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รมว.คลัง โดยสาระสำคัญเพื่อให้เห็นความสำคัญของตลาดทุนไทยในปัจจุบัน และชี้ให้เห็นถึงการพัฒนาของตลาดหุ้นไทยที่ผ่านมาที่ทำประโยชน์ให้กับเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงข้อเสนอแนะโครงการพัฒนาตลาดทุนไทยที่จะเป็นเสาหลักของระบบเศรษฐกิจ
"อยากให้รัฐบาลให้การสนับสนุนตลาดทุน เราพร้อมเสนอสมุดปกขาว เมื่อมีโอกาสที่ได้เข้าพบรมว.คลัง " นายปกรณ์ กล่าว
นอกจากนี้ ในวันที่ 27 ก.พ.นี้ ทางตลท.ได้เชิญ รมว.คลัง เป็นองค์ปาฐก(Keynote speaker)ในงานสัมมนาวิชาการเรื่อง"ตลาดหุ้นไทยใครจะผ่าตัด"
ขณะเดียวกัน โครงการพัฒนาตลาดหลักทรัพย์ไทยในช่วง 5 ปีข้างหน้า ที่ตลท.ได้ว่าจ้าง Boston Consulting Group (BCG) เป็นที่ปรึกษาโครงการนี้ และธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) ยังได้ส่งผู้เชี่ยวชาญด้านตลาดทุนซึ่งมีประสบการณ์จากตลาดหุ้นหลายแห่ง ร่วมกับคณะกรรมการในโครงการนี้ที่มีนายปกรณ์เป็นประธาน ทั้งนี้ จากความร่วมมือหลายฝ่ายคาดว่าจะได้ข้อสรุปของแผนในการดำเนินโครงการดังกล่าวภายในเดือน พ.ค. 51
ด้านนางเกศรา มัญชุศรี กรรมการผู้จัดการ บมจ.ตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย) หรือ TFEX กล่าวว่า ภายในไตรมาส 4/51 จะเปิดซื้อขายสินค้าใหม่ คือ Stock options หรือออพชั่นที่อ้างอิงกับหุ้นรายตัว ประมาณ 3-5 หุ้น ซึ่งขณะนี้กำลังพิจารณาจาก 20 อันดับแรกของ SET50 ซึ่งเน้นเป็นหุ้นที่มีมูลค่าซื้อขายรวม(Market Cap.)สูง สภาพคล่องดี และมี free float
และภายใน 5 ปีนี้จะออกสินค้าให้ครอบคลุมทุกสินค้าให้มากที่สุด ทั้งหุ้น ตราสารหนี้ และ สินค้าโภคภัณฑ์(commodity) โดยขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษา Gold Future, Stock Future เป็นต้น
ในปีนี้ ทาง TFEX ได้เปิดรับบริษัทสมาชิกหรือโบรกเกอร์เพิ่ม โดยเปิดรับสมัครระหว่าง 18 ก.พ.-30 เม.ย. คาดว่าจะมีสมาชิกเพิ่มอีก 5-6 ราย จากปัจจุบันที่มีอยู่ 25 ราย
--อินโฟเควสท์ โดย เสาวลักษณ์ อวยพร/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--