นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานค้าหลักทรัพย์ บล.บัวหลวง เปิดเผยว่า มองแนวโน้มดัชนีฯ ในไตรมาส 3/62 ยังเป็นขาขึ้นจากเงินทุนยังคงไหลเข้าต่อเนื่อง แต่ก็ยังต้องจับตาดูว่าเงินทุนต่างชาติจะเข้ามาในช่วงสั้นหรือระยะยาว โดยตั้งแต่ต้นปีมีเงินทุนไหลเข้าตลาดหุ้นไทยแล้วเฉลี่ย 45,000 ล้านบาท ขณะเดียวกันมองผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไทยในครึ่งปีหลังก็น่าจะดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก จากประชาชนมีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น และนักท่องเที่ยวฟื้นตัวต่อเนื่อง รวมถึงการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนน่าจะจบได้ภายในปีนี้ อย่างไรก็ตามมองกรอบดัชนีเดือนก.ค.62 ไว้ที่ 1,680-1,780 จุด
อย่างไรก็ตาม ปีนี้คาดว่าดัชนีฯ น่าจะเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 1,670-1,750 จุด บนคาดการณ์กำไรต่อหุ้น (EPS) 103 บาท/หุ้น จากความคาดหวังว่าจะสามารถจัดตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ก่อนการพิจารณากฎหมายงบประมาณในช่วงเดือนส.ค.-ก.ย.นี้, การกระตุ้นเศรษฐกิจให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย, การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ และการควบคุมกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปก
ส่วนค่าเงินบาทที่ปรับตัวแข็งค่าอย่างรวดเร็ว มองว่าเริ่มเห็นธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาตรการบางอย่างเข้ามาดูแลแล้ว เช่น การชะลอการออกตราสารหนี้ระยะสั้น ซึ่งหากเงินบาทปรับตัวแข็งค่าต่ำกว่า 30 บาท/ดอลลาร์ ก็คาดว่า ธปท.น่าจะมีการดำเนินมาตรการอื่นๆ ออกมาเพื่อชะลอการแข็งค่า เช่น ขอความร่วมมือธนาคารพาณิชย์ในการดูแลสภาพคล่อง, การเก็บภาษีเงินนำเข้า เป็นต้น
พร้อมแนะนำการลงทุนในหุ้นกลุ่ม domestic play เป็นหลัก เช่น กลุ่มท่องเที่ยว ได้แก่ AOT, MINT, CENTEL กลุ่มคอมเมิร์ซ ได้แก่ COM7, CPALL, ROBINS กลุ่มคอนซูเมอร์ไฟแนนซ์ ได้แก่ SAWAD, KTC, MTC และกลุ่มโรงไฟฟ้า
นายชัยพร กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับกรณีที่ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ทำการขาย SCBLIFE มองว่าเป็นโอกาสที่จะทำให้ทาง SCB นำเงินที่ได้จากการขายธุรกิจดังกล่าวไปซื้อธนาคารพาณิชย์ขนาดเล็ก เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการดำเนินธุรกิจ ซึ่งถือเป็นนโยบายที่ทาง SCB ประกาศออกมาอย่างต่อเนื่อง