นายศรายุทธ แก้วเกษ ผู้บริหารผลิตภัณฑ์กองทุนรวม ธนาคารทหารไทย (TMB) กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นในช่วงครึ่งหลังปีนี้ยังคงไปต่อได้ แต่ยังมีปัจจัยที่ต้องติดตาม คือ ทิศทางการส่งสัญญาณของนโยบายอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางต่าง ๆ ทั่วโลก ที่อาจจะมีการผ่อนคลายมากขึ้น ทำให้เห็นการปรับลดดอกเบี้ย เพื่อมากระตุ้นเศรษฐกิจและกระตุ้นการลงทุน เนื่องจากเศรษฐกิจโลกเริ่มมีแนวโน้มชะลอตัวลง และยังคงมีแรงกดดันจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน แม้ว่าล่าสุดในการประชุม G20 จะมีการเจรจาระหว่างผู้นำทั้งสองประเทศ ทำให้ภาพการลงทุนปรับตัวบวกขึ้นมา
นอกจากนี้ยังต้องติดตามว่าการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ว่าจะสามารถเจรจาข้อตกลงกับสหภาพยุโรป (EU) ได้หรือไม่ ซึ่งล่าสุดก็ยังไม่สามารถตกลงกันได้
อย่างไรก็ตามปัจจัยของทิศทางการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐและยุโรป จะส่งผลให้อัตราผลตอบแทน (yield) พันธบัตรรัฐบาลในประเทศหลัก ๆ เช่น สหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น ปรับตัวลดลง แต่ภาพการลงทุนของธนาคารในช่วงนับจากนี้จะให้น้ำหนักการลงทุนในตราสารหนี้มากกว่าหุ้นเล็กน้อย โดยลงทุนในตราสารหนี้ที่กระจายความเสี่ยงและมีความยืดหยุ่น ซึ่งในระยะสั้นจะให้ผลตอบแทนในเรื่องส่วนต่างราคาขาย หรือ Capital Gain ที่เพิ่มขึ้น แต่ในระยะยาวจะได้ในเรื่องของผลตอบแทนจากอัตราดอกเบี้ยของตราสารหนี้ที่จะกลับมาเพิ่มขึ้นตามวัฏจักรของอัตราดอกเบี้ย
"ในช่วงที่มีความผันผวนและมีความไม่แน่นอนสูงในเรื่องของเศรษฐกิจ การลงทุนจะต้องระมัดระวังมากหน่อย และเน้นกระจายความเสี่ยงมากขึ้น โดยให้น้ำหนักการลงทุนในตราสารหนี้มากกว่าหุ้น ซึ่งมีความเสี่ยงน้อยกว่า"นายศรายุทธ กล่าว
ด้านการลงทุนในหุ้นก็ยังมีมุมมองที่เป็นบวก โดยเฉพาะการลงทุนในตลาดหุ้นเกิดใหม่ โดยเฉพาะจีนและอินเดีย เนื่องจากอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ขยายตัวดี โดยในปีนี้คาดว่าเศรษฐกิจจีนยังขยายตัวได้ 6.2% เช่นเดียวกับอินเดีย ขณะที่การลงทุนในหุ้นไทย แนะนำหุ้นขนาดกลาง ขนาดเล็ก และหุ้นปันผล เป็นต้น พร้อมกับยังแนะนำให้ลงในกองทุนกลุ่มสุขภาพ โดยแนะนำกองทุน TMB China opportunity ,K-Star ,K Mind small ,TISCOHD และ UOBUGH เป็นต้น