ดัชนีสเตรทส์ไทม์ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดปรับตัวลดลงในวันนี้ (11 ก.พ.) ตามทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นๆในภูมิภาค เนื่องจากความวิตกกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐถดถอยเป็นปัจจัยที่กระตุ้นให้นักลงทุนต่างพากันเทขายหุ้นในวันนี้
นอกจากนี้ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับสินเชื่อระลอกใหม่ก็เป็นปัจจัยที่ฉุดให้บรรยากาศการซื้อขายในตลาดซบเซา หลังจากที่บรรดารัฐมนตรีคลังและเจ้าหน้าที่ของธนาคารกลางได้เข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีคลังของกลุ่ม G7 ที่กรุงโตเกียวเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้แสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ซับไพรม์และผลกระทบต่อตลาดทั่วโลก
ทั้งนี้ กลุ่มรัฐมนตรีคลังและผู้ว่าธนาคารกลางกลุ่มประเทศ G7 คาดการณ์ว่า ยอดการค้างชำระดอกเบี้ยการกู้เพื่อการจำนองที่อยู่อาศัยในสหรัฐอาจจะสูงถึง 4 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ 1.00-1.50 แสนล้านดอลลาร์
"จากบรรยากาศการซื้อขายในตลาดในขณะนี้สะท้อนให้เห็นว่ามีปัจจัยลบต่างๆเพิ่มขึ้น" เทเรนซ์ หว่อง นักวิเคราะห์จากดีเอ็มจี แอนด์ พาร์ทเนอร์สกล่าว
สำนักข่าวซินหัวไฟแนนซ์รายงานว่า ดัชนีสเตรทส์ไทม์ปรับตัวลดลง 63.68 จุด หรือ 2.2% ปิดที่ 2,868.29 จุด หลังเคลื่อนไหวในกรอบ 2,859.08 และ 2,914.06 จุด มีปริมาณการซื้อขาย 1.1 พันล้านหุ้น มูลค่า 1.6 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์
บรรยากาศการซื้อขายในตลาดยังคงซบเซา เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในช่วงวันหยุดยาวช่วงเทศกาลตรุษจีน โดยตลาดหุ้นสิงคโปร์ได้ปิดทำการในวันพฤหัสบดีและศุกร์ที่ผ่านมาเนื่องในเทศกาลตรุษจีน
นักลงทุนยังคงมีท่าทีระมัดระวังก่อนที่สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงยอดค้าปลีกประจำเดือนม.ค.
"ความจริงแล้วเราไม่คาดหวังว่าตัวเลขเศรษฐกิจจะออกมาในแง่บวก เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจต่างๆอาจได้รับอิทธิพลจากภาวะขาดทุนที่เกิดขึ้นจากวิกฤตการณ์ซับไพรม์ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ลดลงและปัจจัยลบอื่นๆ" ชาน ตั๊ค ซิง นักวิเคราะห์จากยูโอบี เคย์ เฮียนกล่าว
"ข้อมูลต่างๆที่แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอยนั้นถือเป็นสาเหตุที่ทำให้ตลาดผันผวน" เขากล่าว
หุ้นกลุ่มธนาคารยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดัน หลังจากที่สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของเอ็มบีไอเอ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทประกันหุ้นกู้ของสหรัฐเมื่อสัปดาห์ก่อน ซึ่งอาจทำให้เกิดความวิตกกังวลระลอกใหม่เกี่ยวกับการตัดบัญชีหนี้สูญของธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ต่างๆ และส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจธนาคารทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง
หุ้นดีบีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ร่วงลง 36 เซนต์ หุ้นธนาคารยูโอบี ร่วงลง 58 เซนต์ และหุ้นโอซีบีซี ลดลง 16 เซนต์
หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวลดลงเช่นกัน โดยหุ้นซิตี้ ดีเวล็อปเม้นท์ ร่วงลง 40 เซนต์ หุ้นเค็พเพล แลนด์ ลดลง 9 เซนต์ และหุ้นแคปิตอลแลนด์ ลดลง 23 เซนต์
ส่วนหุ้นกลุ่มบลูชิปนั้น หุ้นสิงคโปร์ เอ็กซ์เชนจ์ ร่วงลง 47 เซนต์ หุ้นเค็พเพล คอร์ป ร่วงลง 38 เซนต์ และหุ้นอคสโก้ คอร์ป ลดลง 26 เซนต์
หุ้นสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส ลดลง 28 เซนต์ เครดิต สวิส ได้ปรับลดราคาเป้าหมายของสายการบินแห่งชาติรายนี้ลงเหลือ 19.00 ดอลลาร์ต่อหุ้น จากเดิมที่ 25.00 ดอลลาร์ต่อหุ้น เนื่องจากมีความเสี่ยงว่าผลประกอบการอาจจะลดลงเกินคาดท่ามกลางเศรษฐกิจทั่วโลกที่ชะลอตัว
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย วณิชชกร ควรพินิจ/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--