นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บมจ.แสนสิริ (SIRI) เปิดเผยว่า ภายในช่วงสิ้นเดือนนี้บริษัทเตรียมที่จะทบทวนแผนการดำเนินงานในปี 62 ใหม่อีกครั้ง หลังจากในช่วงที่ผ่านมาภาวะเศรษฐกิจไทยที่ยังคงชะลอตัวอยู่ และการเริ่มบังคับใช้ของมาตรการ LTV ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อภาพรวมของภาคอสังหาริมทรัพย์ที่เกิดการชะลอตัวตามไปด้วย และกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัท ซึ่งผลกระทบที่เกิดขึ้นทำให้ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทชะลอการเปิดโครงการใหม่ออกไป เพื่อดูท่าทีของสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ว่าจะมีแนวโน้มเป็นอย่างไร ประกอบกับรอดูนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่ว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งบริษัทจะนำปัจจัยดังกล่าวมาพิจารณาเพื่อทบทวนแผนการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังให้สอดคล้องกับสถานการณ์
สำหรับการทบทวนแผนการดำเนินใหม่ในเบื้องต้น บริษัทคาดว่ามีโอกาสเลื่อนการเปิดโครงการใหม่ที่วางแผนเปิดในปี 62 ออกไปเปิดในช่วงปี 63 แทน จากเดิมวางแผนการเปิดโครงการในปีนี้ทั้งหมด 28 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 4.66 หมื่นล้านบาท ซึ่งในครึ่งปีแรกบริษัทได้เปิดโครงการใหม่ไปทั้งหมด 8 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 1.4 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น โครงการแนวราบ 6 โครงการ และคอนโดมิเนียม 2 โครงการ ขณะที่มูลค่ายอดขายรอโอนของบริษัทในปัจจุบันอยู่ที่ 5.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในช่วงครึ่งปีหลังนี้กว่า 1 หมื่นล้านบาท โดยที่เป้าหมายยอดโอนที่เดิมบริษัทตั้งไว้ 2.9 หมื่นล้านบาท ส่วนยอดขายในช่วงครึ่งปีแรกบริษัททำได้แล้ว 1.3 หมื่นล้านบาท จากเป้าหมายยอดขายที่ตั้งไว้ 3.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งในส่วนยอดโอนและยอดขายที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมาจะต้องมีการนำพิจารณาทบทวนอีกครั้งในช่วงสิ้นเดือนนี้
"ตอนนี้แผนงานของบริษัทในครึ่งปีหลังก็ยังต้องรอดูนโยบายรัฐบาลชุดใหม่จะเป็นอย่างไร มีส่วนช่วยหนุนและกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างไรบ้าง ซึ่งทิศทางของเศรษฐกิจไทยก็มีความเกี่ยวข้องกับภาคอสังหาฯ เพราะภาคอสังหาฯก็เติบโตสอดคล้องไปกับการขยายตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งที่ผ่านมาทิศทางของเศรษฐกิจก็ยังชะลอตัวอยู่ การส่งออกก็ไม่ดี กระทบทุกภาคส่วนเหมือนกัน ถ้าภาคอสังหาฯกระทบ ธุรกิจอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับอสังหาฯก็กระทบตามไปด้วย แสนสิริก็มีความพร้อมที่จะบุก แต่ถ้าภาพรวมยังไม่ดีเราก็ชะลอไปก่อน กลับมาเตรียมความพร้อมของกองทัพ และดูทิศทางว่าจะเป็นอย่างไร เราก็จะไปตามทิศทางที่คิดว่าถูกต้อง ซึ่งตอนนี้ก็ช่วยกันคิดและวางแผนกับทีมงานหลายฝ่าย และก็มีโอกาสที่บางโครงการจะถูกเลื่อนออกไปเปิดในปีหน้าแทน"นายอุทัย กล่าว
ส่วนการตอกย้ำกลยุทธ์ "Green Mission" ของบริษัทในฐานะผู้นำด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัยแบบครบวงจรที่ใส่ใจในเรื่องสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ที่ตระหนักถึงความสำคัญในการลดใช้พลังงานและการใช้ทรัพยากรที่สร้างผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อม ผสมผสานนวัตกรรมสีเขียวในทุกกระบวนการดำเนินงานตลอดวงจรธุรกิจอย่างจริงจัง และพร้อมเดินหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง สร้างอนาคตแห่งความยั่งยืน ซึ่งได้ร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ คือ บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) ผู้นำด้านนวัตกรรมเคมีภัณฑ์ของไทย ที่มีวิสัยทัศน์และเป้าหมายสอดคล้องกัน ในด้านการใช้ทรัพยากรให้เกิดความคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพสูงสุด ตามหลักแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เพื่อต่อยอดคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยในทุกมิติ ด้วยต้นแบบ "Green Society"
โดยการผนึกพันธมิตรธุรกิจเพื่อโลกที่ยั่งยืน นำร่องด้วย SANSIRI x GC: FULFILL YOUR LIVING THROUGH INNOVATION โครงการความร่วมมือกับ 2 พันธมิตรธุรกิจยักษ์ใหญ่ PASAYA และ SB Furniture ในการพัฒนาชุดเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสำหรับจัดแสดงใน 32 โครงการแสนสิริ ซึ่งจะมีส่วนร่วมในการช่วยลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า 664 กิโลกรัม หรือเท่ากับการปลูกป่าสีเขียว 74 ต้น ในระยะแรกของโครงการ พร้อมกับมองการต่อยอดไปสู่การพัฒนาเฟอร์นิเจอร์รักษ์โลกสู่การใช้งานจริงภายในที่อยู่อาศัยของลูกค้า โดยได้ร่วมกับ SB Furniture ในการผลิตชุดเฟอร์นิเจอร์ออกมาในช่วงไตรมาส 4/62 ที่จะนำเสนอให้กับลูกบ้านของแสนสิริได้เลือกซื้อนำไปใช้ภายในบ้านของลูกบ้านเองด้วย