โบรกเกอร์แนะนำ"ซื้อ"หุ้น บมจ.เมืองไทย แคปปิตอล (MTC) หลังคาดแนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 2/62 เติบโตดีจากปัจจัยฤดูกาล อาทิ การเปิดภาคการศึกษา การทำเกษตรกรรม ทำให้ความต้องการสินเชื่อสูงขึ้น ประกอบกับการขยายสาขาใหม่ของ MTC ที่มากกว่าเดิมตามแผนการขยายสาขาปี 62 ทำให้เห็นการฟื้นตัวที่แรงขึ้น
นอกจากนี้ยังคาดการณ์กำไรสุทธิปี 62 จะเติบโตได้ดีกว่าระดับ 3.7 พันล้านบาทในปีก่อน จากแผนการขยายสาขาจำนวน 3.9 พันสาขาภายในสิ้นปีนี้ ประกอบกับค่าความเสี่ยงจากการให้สินเชื่อ (Credit Cost) และต้นทุนทางการเงิน (CoF) มีแนวโน้มลดลง จากแผนการคุมหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ให้อยู่ในระดับไม่เกิน 2%
พักเที่ยงหุ้น MTC อยู่ที่ 55.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท หรือ 0.45% ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย เพิ่มขึ้น 0.50%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 64.00 เคทีบี (ประเทศไทย) ซื้อ 68.00 เอเอสแอล ซื้อ 62.00 ดีบีเอส (ประเทศไทย) ซื้อ 63.00 แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ซื้อ 61.00
นางสาวสุนันทา วสะภิญโญกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส เปิดเผยว่า กำไรสุทธิไตรมาสที่ 2/62 ของ MTC คาดว่าจะอยู่ที่ 1.06 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.5% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 16% จากงวดปีก่อน ตามการฟื้นตัวของรายได้ดอกเบี้ย ซึ่งคาดว่าจะเติบโต 6.7% จากไตรมาส 1/62 และเติบโต 21% จากปีก่อน บนคาดการณ์ Loan yeild ที่ 23.25% จาก 23.04% ในไตรมาสก่อน เนื่องจากการเติบโตของสินเชื่อที่เกิดขึ้นสม่ำเสมอตลอดไตรมาส และวันที่ใช้สำหรับการคำนวณดอกเบี้ยรับมีจำนวนวันที่มากกว่าไตรมาสก่อน
การเติบโตของสินเชื่อในไตรมาส 2/62 เป็นไปตามฤดูกาล ซึ่งไตรมาส 2 เป็นฤดูกาลที่ดีของ Consumer finance เนื่องจากเป็นช่วงเปิดภาคการศึกษาใหม่ รวมไปถึงการเปิดสาขาใหม่ 295 สาขา เทียบกับการเปิด 165 สาขาในไตรมาสก่อน ทำให้เห็นการฟื้นตัวแรงขึ้นในเดือนมี.ค.ต่อเนื่องมาเดือนเม.ย.-มิ.ย.ด้วย
นอกจากนี้คาดการณ์กำไรปี 62 จะอยู่ที่ 4.8 พันล้านบาท หรือเติบโต 29.6% จากปีก่อน และเพิ่มขึ้น 29% เป็น 6.2 พันล้านบาทในปี 63 โดยมีปัจจัยเร่งคือ CoF ที่คาดว่าจะได้เห็นประโยชน์ของการ Reprice ของหุ้นกู้ในปีหน้า ทำให้เห็นแนวโน้ม Credit Cost ที่น้อยกว่าคาด อย่างไรก็ดีเชื่อว่า MTC น่าจะพิจารณาแนวทางการตั้งสำรองที่ระดับปกติที่ราว 0.9-1% ซึ่งได้มีการปรับลดประมาณการ Credit Cost ลงสู่ระดับดังกล่าว
ด้านบล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในระยะยาวปี 63-64 จะเติบโตเฉลี่ย 28% ต่อปี จากสาขาที่ยังขยายตัว และโอกาสในการขยายสินเชื่อที่มีคุณภาพดีขึ้นที่สูง ภายหลังการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อในเดือนมิ.ย.62 โดยประมาณการกำไรสุทธิไตรมาสที่ 2/62 ที่ 1.05 พันล้านบาท เติบโต 15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโต 5% จากไตรมาส 1/62 จากสินเชื่อที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นกว่า 29% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามปัจจัยฤดูกาลและ Load yeild ที่ผ่านพ้นจุดต่ำสุดในไตรมาสก่อน
ขณะเดียวกันคาดกำไรสุทธิปีนี้ที่ 4.4 พันล้านบาท เติบโต 18% จากปีก่อน โดยจะเติบโตได้ดีจากสินเชื่อเช่าซื้อ และจากจำนวนสาขาที่ขยายตัวมาอยู่ที่ 3.9 พันสาขา และ Credit Cost ลดลงที่ 116 bps ตาม NPL ที่ลดลงมาอยู่ที่ 1.14% หลังไม่ได้เรียกเก็บ Prepayment Fee และ Coverage Ratio ที่อยู่ระดับสูง
ด้านบทวิเคราะห์ บล.เอเอสแอล ระบุว่า คาดการณ์ผลประกอบการไตรมาสที่ 2/62 ของ MTC จะอยู่ราว 1.1-1.2 พันล้านบาท และสามารถทำ high record ได้ จากปัจจัยบวกในเดือนเม.ย.ที่มีวันหยุดจำนวนมาก เดือนพ.ค.อยู่ในช่วงเปิดเทอม และเดือนมิ.ย.เกษตรกรเริ่มออกมาทำเกษตรกรรม ส่งผลให้ความต้องการสินเชื่อเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตามจะมีการบันทึกสำรองค่าใช้จ่ายพนักงานตามกฎหมายแรงงานใหม่เข้ามา แต่จะชดเชยกับ Cost to income ที่ลดลงจากไตรมาสก่อน
นอกจากนี้คาดว่า MTC จะสามารถทำกำไรปีนี้เป็น record high อยู่ที่ 4.65 พันล้านบาท ขยายตัว 25.4% จากปีก่อน ซึ่งแผนการดำเนินงานในปีนี้เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ทั้งการเติบโตของสินเชื่อ 30% การขยายสาขาที่เชื่อว่าจะอยู่ที่ 3.2 พันสาขา รวมถึงเป้าการลดลงของ NPL ให้ต่ำกว่า 2.0% ซึ่งปัจจุบัน MTC อยู่ที่ 1.04% ส่วนการขยายสาขาจะเพิ่มขึ้นอีก 600 สาขา รวมเป็น 3.9 พันสาขาในสิ้นปี 62 โดยการเพิ่มสาขายังคงมีประสิทธิภาพ