นายเกษม พันธ์รัตนมาลา กรรมการและหัวหน้าส่วนงานวิจัย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ยังมีแนวโน้มที่เป็นบวกอยู่ เช่นเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะเคลื่อนไหวในแดนบวกกัน หลังจากที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ส่งสัญญาณการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเฟดปลายเดือนก.ค.นี้
ส่วนบ้านเราได้แรงหนุนจากการจัดตั้งรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว ต่อไปก็รอลุ้นนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งต่างก็คาดหวังจะให้เกิดขึ้น อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนต่อไป เนื่องจากยังไม่สิ้นสุด
พร้อมให้แนวรับ 1,730 จุด ส่วนแนวต้าน 1,750 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (10 ก.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,860.20 จุด เพิ่มขึ้น 76.71 จุด (+0.29%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,202.53 จุด เพิ่มขึ้น 60.80 จุด (+0.75%) และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,993.07 จุด เพิ่มขึ้น 13.44 จุด (+0.45%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 13.71 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 12.76 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 11.81 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 143.17 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 20.16 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 13.39 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 19.12 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 2.25 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (10 ก.ค.62) 1,739.43 จุด เพิ่มขึ้น 17.95 จุด (+1.04%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 3,318.75 ล้านบาท เมื่อวันที่ 10 ก.ค.2562
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (10 ก.ค.62) ปิดที่ 60.43 ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 2.60 ดอลลาร์ หรือ 4.5%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (10 ก.ค.62) ที่ 7.29 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 30.65 แข็งค่าจากวานนี้หลังมีแรงขายดอลล์ จากเฟดส่งสัญญาณลดดอกเบี้ย
- โปรดเกล้าฯรายชื่อครม.ชุดใหม่ "พล.อ.ประวิตร" รองนายกฯ "ม.ร.ว.จัตุมงคล" คุมแรงงาน ก.เกษตรฯ แบ่ง 4 พรรค โยก "ธรรมนัส" รมช. ส่วน "สนธิรัตน์" รมว.พลังงาน นายกฯขอโอกาสครม.ชุดใหม่ทำงาน เล็งแถลงนโยบาย 24-25 ก.ค.นี้ "สมคิด" มั่นใจทีมเศรษฐกิจรัฐบาลผสมทำงานร่วมกันได้ สามมิตรลุ้นให้ "อนุชา" นั่งเลขาฯ รมว.คลัง ตลาดหุ้นเด้งรับพุ่ง 18 จุด
- กกร.หั่น "จีดีพี" ปีนี้เหลือโต 2.9-3.3% หลังเศรษฐกิจโลกชะลอจาก พิษสงครามการค้า ขณะ "ส.อ.ท.-สภาหอการค้า" ห่วงเงินบาทแข็งเร็วแซงเพื่อนบ้านซ้ำเติมภาคส่งออก เตรียมบุกธปท. ถกแนวทางแก้ปัญหา แนะลดดอกเบี้ยนโยบาย พร้อมระบุระดับเหมาะสมควรอยู่ที่ 32 ต่อดอลลาร์ ด้าน "สมคิด" มั่นใจแบงก์ชาติดูแลอยู่ ลั่นการเมืองไม่แทรก
- กนอ.โชว์ยอดตั้งนิคม 56 แห่ง ใน 16 จังหวัด รวม 1.65 แสนไร่ ยอดเงินลงทุน 3.82 ล้านล้านบาท ตั้งเป้าหมายปี 2564 หาพื้นที่รองรับการลงทุนอีก 5 หมื่นไร่ สนองนโยบายอีอีซี จับมือ ROJNA ผุดนิคมแห่งที่ 2 ดูดเงินลงทุนอีก 6 พันล้านบาท
- ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำประจำเดือน ก.ค.62 ปรับเพิ่มขึ้น 3.6 จุดหรือคิดเป็น 6.84% อยู่ที่ระดับ 56.2 จุดจากเดือน มิ.ย. 62 อยู่ที่ระดับ 52.6 จุด เนื่องจากนักลงทุนมองว่าความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก เงินบาทอ่อนค่า และสถานการณ์สงครามการค้าส่งผลให้ความต้องการซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ้น แต่จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่าง 306 ราย พบว่า 43.79% ไม่แน่ใจว่าจะซื้อทองคำช่วงเดือน ก.ค. นี้หรือไม่ ขณะที่ 32.68% คาดจะซื้อทองคำและ 23.53% ไม่ซื้อทองคำในเดือนนี้แน่นอน
*หุ้นเด่นวันนี้
- PERM-W1 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบมจ.เพิ่มสินสตีลเวิคส์(PERM) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 250,000,000 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 1.80 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 3 ปี นับจากวันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิในครั้งแรก (18 มิ.ย.62) ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 30 ก.ย. 2562 ส่วนวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 17 มิ.ย. 2565
- PTTEP (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 150 บาท ได้ Sentiment บวกราคาน้ำมันดิบฟื้นตัวแรง งบ Q2/62 เด่นสุดในกลุ่ม ปตท. โดยมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นทั้ง QoQ และ YoY ครึ่งปีหลังยังมีปัจจัยหนุนจากกำลังการผลิตและปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นจากการเข้าซื้อกิจการของ Murphy Oil ในมาเลเซียหนุนปริมาณขายเพิ่มขึ้น 5% ในปีนี้และ 14% ในปีหน้า
- KTC (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 48 บาท กำไร Q2/62 อาจชะลอแต่เป็นโอกาสซื้อ โดยคาดกำไรสุทธิ 1.49 พันล้านบาท -6% Q-Q เพราะมีแนวโน้มตั้งสำรองหนี้สูญเพิ่มตามฤดูกาล, แต่ +23% Y-Y แต่ดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำมีน้ำหนักมากกว่า พร้อมปรับกำไรปี 2562-2563 ขึ้น 2.4% จากต้นทุนทางการเงินที่ต่ำกว่าที่เคยคาด เป็น 6.4 พันล้านบาทปีนี้ (+25% Y-Y) และ 7.19 พันล้านบาทในปีหน้า (+12% Y-Y)