บมจ. เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) ได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืนระดับโลก FTSE4Good Emerging Index ติดต่อกันเป็นปีที่ 3 โดยฟุซซี่ รัสเซล (FTSE Russell) สะท้อนศักยภาพในการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social and Governance: ESG) ภายใต้การกำกับดูแลกิจการที่ดี
นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร CPF กล่าวว่า บริษัทได้คะแนนโดดเด่นในหัวข้อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อันเป็นผลมาจากความมุ่งมั่นในการรักษาสิ่งแวดล้อม บริหารจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทได้ประกาศเป้าหมายในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยการดำเนินการหลายด้าน เช่น การเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนในกระบวนการผลิต จาก 21% ในปี 60 เป็น 25% ในปี 61 สำหรับกิจการในประเทศไทย
CPF ยังได้คะแนนด้านสังคมสูงสุดในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน จากการยึดมั่นพัฒนาการดำเนินงานด้านแรงงานและสิทธิมนุษยชนในห่วงโซ่การผลิตของบริษัทให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล
สำหรับคะแนนด้านธรรมาภิบาลก็ปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เช่นกัน โดยเฉพาะหัวข้อการกำกับดูแลกิจการที่ดี ซึ่งเป็นเรื่องที่บริษัทให้ความสำคัญและพัฒนาการดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่อง จนทำให้บริษัทได้คะแนนเต็มในปีนี้
"ซีพีเอฟ ภูมิใจที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็นบริษัทในดัชนีความยั่งยืน FTSE4Good Emerging Index 3 ปีซ้อน โดยคะแนนภาพรวมปรับสูงขึ้นอยู่ในระดับที่น่าพอใจมาก" นายประสิทธิ์ กล่าว
นายประสิทธิ์ กล่าวย้ำว่า บริษัทมุ่งมั่นพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาความเป็นผู้ผลิตอาหารชั้นนำที่พร้อมสำหรับการแข่งขันในระดับโลก ซึ่งปัจจุบันมีการค้าเพิ่มขึ้นเกือบ 50 ประเทศทั่วโลก มีการดำเนินธุรกิจตามหลักบรรษัทภิบาลและความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการสร้างผลประกอบการที่ดี เพื่อสร้างคุณค่าร่วมให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม ที่สำคัญยังสนับสนุนหลักการของข้อตกลงแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact : UN Global Compact) ตลอดจนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals-SDGs) ของสหประชาชาติด้วย
นอกจากนี้ CPF ยังเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำระดับโลกที่ได้รับการคัดเลือกให้อยู่ในดัชนีความยั่งยืน หรือ Dow Jones Sustainability Index (DJSI) อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 4
อนึ่ง FTSE4Good Index Series เป็นดัชนีอ้างอิงเพื่อวัดผลการลงทุนและดัชนีเพื่อการซื้อขายสำหรับนักลงทุนที่ให้ความสำคัญด้าน ESG ใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการลงทุน โดยเปิดตัวครั้งแรกในปี 44 ก่อนประยุกต์เกณฑ์การประเมินผลไปใช้ในดัชนี FTSE Emerging Indexes ในปี 59 ซึ่งครอบคลุมกว่า 20 ประเทศตลาดเกิดใหม่