(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้เปิดปรับขึ้น ก่อนผันผวนตามแนวต้าน 1,747 จุด รับรู้เฟดส่งสัญญาณลดดบ.แล้ว-รอลุ้นรัฐฯกระตุ้นศก.

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday July 12, 2019 09:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายคณฆัส จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสที่จะเปิดตัวปรับขึ้นได้เหมือนเช่นการซื้อขายในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าจะได้แรงหนุนจากกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ แม้ราคาน้ำมันดิบปิดเมื่อวานนี้จะอ่อนตัวลง แต่ราคาซื้อขายล่วงหน้าเช้านี้ปรับตัวขึ้นได้ รวมถึงอาจจะมีแรงซื้อหุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคในประเทศ จากความคาดหวังเรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลังจากมีรัฐบาลชุดใหม่แล้ว

อย่างไรก็ตามแม้ดัชนีมีโอกาสจะทดสอบบริเวณแนวต้าน 1,747 จุด แต่ก็อาจเกิดความผันผวนบริเวณดังกล่าวได้ หลังจากที่ได้ปรับขึ้นทดสอบแล้ว 2-3 ครั้งแต่ยังไม่สามารถผ่านไปได้ ขณะที่ตลาดน่าจะยังไม่มีเม็ดเงินใหม่เข้ามาลงทุนมากนัก แม้ว่านักลงทุนต่างชาติจะเป็นผู้ซื้อสุทธิต่อเนื่อง แต่ก็มีการ Short ในตลาดอนุพันธ์ บ่งชี้ว่าเม็ดเงินลงทุนน่าจะเป็นลักษณะการหมุนเวียนและเลือกลงทุนเป็นรายกลุ่ม ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐแม้จะปรับตัวขึ้นได้เมื่อคืนนี้ แต่ตลาดหุ้นภูมิภาคเช้านี้เคลื่อนไหวคละกัน หลังจากตลาดรับรู้การส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไปบ้างแล้ว

นอกจากนี้ตลาดยังรอดูการประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/62 ของบจ.โดยเฉพาะกลุ่มแบงก์ที่เริ่มออกมาบ้างแล้ว

พร้อมให้แนวรับ 1,734 และ 1,727 จุด ส่วนแนวต้าน อยู่ที่ 1,747 และ 1,755 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (11 ก.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,088.08 จุด พุ่งขึ้น 227.88 จุด (+0.85%) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,999.91 จุด เพิ่มขึ้น 6.84 จุด (+0.23%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,196.04 จุด ลดลง 6.49 จุด (-0.08%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 76.61 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 2.42 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 29.93 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 11.74 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 2.95 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 4.33 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 1.77 จุด, ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย ลดลง 2.87 จุด , ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 5.14 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (11 ก.ค.62) 1,740.45 จุด เพิ่มขึ้น 1.02 จุด (+0.06%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,293.67 ล้านบาท เมื่อวันที่ 11 ก.ค.2562
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (11 ก.ค.62) ปิดที่ 60.20 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 23 เซนต์ หรือ 0.4%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (11 ก.ค.62) ที่ 9.36 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 30.72/75 อ่อนค่าจากวานนี้ หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ หนุนดอลล์กลับมาแข็งค่า มองกรอบวันนี้ 30.65-30.80
  • การประชุมร่วมกันระหว่างกนง. และคณะกรรมการนโยบายสถาบันการเงิน (กนส.) เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม ที่ผ่านมา เห็นว่าระบบการเงินไทยโดยรวมมีเสถียรภาพ ธนาคารพาณิชย์ และธุรกิจประกันภัยมีเงินกองทุนในระดับสูง ขณะที่เสถียรภาพด้านต่างประเทศเข้มแข็ง ซึ่งมีส่วนช่วยรองรับผลกระทบจากปัจจัยเสี่ยงด้านต่างประเทศ โดยที่ประชุมได้ให้ความสำคัญกับหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูงและมีสัญญาณกลับมาเร่งขึ้นโดยเฉพาะจากสินเชื่อหมวดรถยนต์ รวมทั้งพบว่าธนาคารพาณิชย์และผู้ประกอบธุรกิจการเงินที่มิใช่ธนาคาร (นอนแบงก์) แข่งขันกันรุนแรงขึ้นในตลาดสินเชื่อรายย่อย อาจกระตุ้นการก่อหนี้เกินจำเป็น ที่ประชุมจึงเห็นว่าธนาคารพาณิชย์และนอนแบงก์ ควรปล่อยสินเชื่อโดยคำนึงถึงความสามารถในการชำระหนี้ของผู้กู้มากขึ้น โดยเฉพาะผู้กู้กลุ่มเปราะบาง
  • "ซิตี้แบงก์" หั่นจีดีพีไทยปีนี้เหลือ 3.3% รับปัจจัยเสี่ยงสงครามการค้าขยายวงกว้าง มองบาทมีโอกาสแข็งค่ายาวถึงต้นปี 2563 ทิสโก้คาดรัฐบาลใหม่อัดฉีดเงิน 3.5 แสนล้านบาท ดังนั้น ต้องตามนโยบายภาครัฐเข้ามาช่วย รวมทั้งมาตรการสนับสนุนการลงทุนเอกชน หลังจากการลงทุนภาครัฐในช่วงต้นปีที่ผ่านมามีการชะลอเบิกจ่ายรัฐวิสาหกิจ
  • การคลังเตรียมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไว้ให้รัฐมนตรีใหม่ได้พิจารณาแล้ว มาตรการนี้จะไม่ใช่เพียงแค่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากอย่างเดียว แต่จะครอบคลุมไปถึงเศรษฐกิจทั่วไปด้วย เนื่องจากในช่วงครึ่งปีหลังนี้ จะเห็นได้ว่าเศรษฐกิจโลกยังอยู่ในภาวะที่ไม่ดีมากนัก ดังนั้น ในแนวทางการบริหารจึงต้องหันมาเน้นการดูแลเศรษฐกิจภายในประเทศเป็นหลัก เช่นเดียวกับการลงทุนก็ต้องเร่งขับเคลื่อนไม่ให้ติดขัดด้วย
  • ครม.ใหม่ยังแบ่งงานไม่ลงตัว เผยระดับรองนายกฯ ส่อขัดแย้ง เหตุ "ประวิตร"ต้องการคุมกระทรวงพลังงาน อ้างเป็นเรื่องความมั่นคง ด้าน"สมคิด"ยังมั่นใจบริหารเศรษฐกิจท่ามกลางพรรคร่วมได้ มุ่งแก้ปัญหาฐานราก กระทรวงคลังหัวหอก พร้อมสั่ง"อนุทิน"ดันโครงสร้างพื้นฐาน ต่อเนื่องรัฐบาลก่อน ม.หอการค้าไทยแนะรัฐบาลใหม่ เร่งอัดฉีดงบกระตุ้นเศรษฐกิจ 1 แสนล้าน ดันจีดีพีโตเพิ่ม 0.7%
  • กกพ.มีมติคงอัตราค่าไฟฟ้าผันแปร(ค่าเอฟที) สำหรับการเรียกเก็บเดือน ก.ย.-ธ.ค.62 จำนวน -11.60 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยอยู่ที่ 3.6396 บาทต่อหน่วย ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและไม่เปลี่ยนแปลงจากงวดก่อน หวังหนุนเศรษฐกิจในประเทศท่ามกลางความผันผวนสถานการณ์การค้าโลก
  • สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย ปรับเป้าหมายการออกหุ้นกู้ของบริษัทเอกชนไทยในปีนี้ใหม่เป็น 1 ล้านล้านบาท ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์จากเป้าหมายเดิมที่ 850,000 ล้านบาท เนื่องจากช่วงครึ่งปีแรกภาคเอกชนใช้ประโยชน์การระดมทุนผ่านการออกหุ้นกู้ระยะยาวต่อเนื่องโดยมีมูลค่าที่ออกไปแล้ว กว่า 567,226 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34% ส่วนใหญ่ยังคงเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมหลักที่ระดมเงินทุนเพื่อใช้ขยายกิจการและทดแทนหุ้นกู้เดิม

*หุ้นเด่นวันนี้

  • AIMCG (ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เอไอเอ็ม คอมเมอร์เชียล โกรท) เข้าซื้อขายใน SET วันแรก ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง โดยมีจำนวนหน่วย 288 ล้านหน่วย พาร์หน่วยละ 10 บาท เสนอขายหน่วยลงทุน 10 บาท/หน่วย โดยทรัสต์ฯมีการลงทุนในสิทธิการเช่าและสิทธิการเช่าช่วงศูนย์การค้าคอมมูนิตี้มอลล์ 3 โครงการ ได้แก่ โครงการยูดี ทาวน์
โครงการ 72 คอร์ทยาร์ด และโครงการพอร์โต้ ชิโน่ โดยมีบริษัท เอไอเอ็ม เรียลเอสเตท แมนเนจเม้นท์ จำกัด เป็นผู้จัดการกองทรัสต์
  • PTTEP (กรุงศรี) แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 150 บาท มองได้ Sentiment บวกราคาน้ำมันดิบฟื้นตัวแรง งบ 2Q62 เด่นสุดในกลุ่มปตท. โดยมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นทั้ง QoQ และ YoY ครึ่งปีหลังยังมีปัจจัยหนุนจากกำลังการผลิตและปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นจากการเข้าซื้อกิจการของ Murphy Oil ในมาเลเซียหนุนปริมาณขายเพิ่มขึ้น 5% ในปีนี้และ 14% ในปีหน้า
  • TISCO (ฟินันเซีย ไซรัส) แนะ"ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 99 บาท หลังรายงานกำไรสุทธิ 2Q62 ใกล้เคียงกับที่ฟินันเซียฯและตลาดคาดไว้ที่ 1,798 ล้านบาท +4% Q-Q, +5% Y-Y รายได้รวมเป็นไปตามคาด แต่รายจ่ายดำเนินงานสูงกว่าคาด ทำให้ Cost to income ratio ขึ้นไปที่ 50% สูงกว่าเป้าทั้งปีที่ 45% แต่ถูกชดเชยจากการตั้งสำรองฯที่ลดลง กำไรครึ่งปีแรกที่ 3.5 พันล้านบาท +2% Y-Y คิดเป็น 49% ของประมาณการทั้งปี แนวโน้ม 2H62 จะดีขึ้นจากต้นทุนการเงินและสำรองฯที่อยู่ในระดับต่ำ โดยยังคงราคาเป้าหมายเดิม แม้ upside จะแคบแต่คาด Dividend yield 7%
  • JUBILE (โกลเบล็ก) แนะ"ซื้อ"ราคาเหมาะสม 18.90 บาท คาดกำไร 2Q62 ราว 55.5 ล้านบาท +5%QoQ และ +14%YoY โดยได้แรงหนุนจากการจัดงาน Mid-year sales ที่ช่วยหนุนยอดขายราว 80-90 ล้านบาท อย่างไรก็ตามคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะอ่อนตัวลง 3% จาก 1Q62 สู่ 44% เพราะการขายในงาน Mid-year sales มีอัตรากำไรขั้นต้นต่ำกว่าปกติ ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารคาดว่าจะทรงตัวในระดับสูง 120-125 ล้านบาท เนื่องจากมีการจ่ายค่าเช่าเพิ่มขึ้นตามจำนวนสาขา อย่างไรก็ตามบริษัทดำเนินกลยุทธ์การเติบโตผ่านการขยายสาขาตามห้างสรรพสินค้าสมัยใหม่ เนื่องจากมีระยะเวลาคืนทุนเพียง 1 ปีและใช้เงินลงทุนราว 10-15% ของการลงทุนร้านแบบเดี่ยว (Stand alone) ส่งผลให้การเติบโตค่อยเป็นค่อยไปสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ อีกทั้งราคาหุ้นยังมีอัพไซต์ราว 12% จากราคาปัจจุบัน และยังเป็นหุ้นมีการจ่ายปันผลสม่ำเสมอที่ 3-4% ต่อปี

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ