นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค(PF)คาดว่า ยอดรับรู้รายได้ในปี 51 จะเติบโต 25% จากปีก่อนที่คาดว่าจะมีรับรู้รายได้ประมาณ 6.2 พันล้านบาท ขณะที่ยอดขายน่าจะอยู่ที่ 9 พันล้านบาท เติบโต 40%จากปีก่อนที่มียอดขาย 6.5 พันล้านบาท
PF มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 5 โครงการ รวมมูลค่าโครงการ 1.4 หมื่นล้านบาท ได้แก่ โครงการเพอร์เฟค วิลล่า และเพอร์เฟค มาสเตอร์พีซ พัฒนาการ มูลค่า 5 พันล้านบาท, เพอร์เฟค เพลส สาทร 4 พันล้านบาท, เพอร์เฟค บางรักน้อย-ราชพฤกษ์ 1 พันล้านบาท และโครงการคอนโดมิเนียม เมโทรพาร์ค สาทร เฟส 3 อยู่บนถนนกัลปพฤกษ์ 4 พันล้านบาท
"นับจากปีนี้ PF จะมีรายได้เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ เพราะจะมียอดรับรู้รายได้จากคอนโดฯ ประมาณปีละ 2 พันล้านบาท นอกจากนั้นในปีนี้บริษัทยังมีรายได้จากบ้านเดี่ยวที่อยู่ระหว่างการขาย 4-5 พันล้านบาท และยังมีโครงการบ้าน low-rise ที่สั่งสร้างประมาณ 1 พันล้านบาท" นายธีระชน กล่าว
นอกจากนี้ ในไตรมาส 1/51 บริษัทจะรับรู้รายได้จากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนอสังหาฯ พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำนวน 510 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ยอดรับรู้รายได้ในไตรมาสแรกของปีนี้ดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน
นายธีระชน กล่าวว่า บริษัทยังมีโครงการคอนโดมิเนียมใหม่อีกแห่งย่านรัชดา พื้นที่ 10 ไร่ แต่ยังอยู่ระหว่างรอผลรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA)ที่คาดว่าจะรู้ผลในกลางปีนี้ โดยเตรียมแบบก่อสร้างไว้ 2 แบบ เป็นคอนโดมิเนียมสูง 8 ชั้น มูลค่าโครงการจะอยู่ที่ 2.5 พันล้านบาท และ หากเป็นคอนโดมิเนียมสูงกว่า 8 ชั้น ซึ่งชั้นล่างจะทำเป็นศูนย์การค้าแบบเปิด มูลค่าโครงการจะอยู่ที่ 4 พันล้านบาท
ขณะเดียวกัน บริษัทเตรียมงบซื้อที่ดินสำหรับปี 51 จำนวน 1 พันล้านบาท โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาซื้อที่ดินจำนวน 10 ไร่ย่านสุขุมวิท ที่อยู่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าไม่เกิน 500 เมตร เพื่อพัฒนาเป็นครงการคอนโดมิเนียมมูลค่าโครงการ 4 พันล้านบาท และมีแผนจะเน้นซื้อที่ดินตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าเพิ่มอีก
ปัจจุบันบริษัทมีที่ดินเปล่า จำนวน 2 พันไร่ ได้แก่ ที่ดินอยู่แนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางใหญ่-บางซื่อ) , แนวเส้นทางรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ ราว 500 ไร่ เป็นต้น
สิ้นปี 51 บริษัทคาดว่าจะมีงานในมือ(backlog) เพิ่มขึ้นมาเป็น 4.5 พันล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ในปี 52-53 จากสิ้นปี 50 ที่มีงานในมือ 3 พันล้านบาท เป็นโครงการบ้านเดี่ยว 1 พันล้านบาทและโครงการคอนโดมิเนียม 2 พันล้านบาท
*เตรียมปรับขึ้นราคา 3-5% หลัง 17 ก.พ.,คาดอัตรากำไรสุทธิปี 51 สูงกว่า 10%
นายธีระชน กล่าวว่า หลังวันที่ 17 ก.พ.นี้บริษัทจะปรับขึ้นราคาบ้าน 3-5% ตามต้นทุนก่อสร้างและการขายที่เพิ่มขึ้น 3-5% โดยเฉพาะวัสดุก่อสร้าง เช่น เหล็ก ที่ราคาปรับตัวสูงขึ้น
ด้านน.ส.ศิริรัตน์ วงศ์วัฒนา ผู้อำนวยการสายงานลงทุนสัมพันธ์ และสารสนเทศ PF คาดว่าปี 51 บริษัทจะมีอัตรากำไรสุทธิ (net profit margin) สูงกว่า 10% จากปี 50 อยู่ที่ 8% เนื่องจากคาดว่าจะมียอดขายเพิ่มขึ้นมากหลังจากที่มีรัฐบาลใหม่ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคกลับมา
ตั้งแต่ต้นปีจนถึงขณะนึ้ บริษัทมียอดขายแล้วกว่า 800 ล้านบาท ถือว่าโต 15% จากปีก่อนในช่วงเดียวกัน โดยเป็นยอดขายโครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์ 80% ส่วนที่เหลือเป็นโครงการคอนโดมิเนียม
ขณะเดียวกันของจะรักษาอัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้อยู่ที่ระดับใกล้เคียงปีก่อนที่ 30% เพราะแม้ต้นทุนจะเพิ่มขึ้น บริษัทจะปรับราคาตามต้นทุนเช่นกัน
ด้านนายชายนิด โง้วศิริมณี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PF กล่าวว่า หลังจากที่มีรัฐบาลใหม่ เชื่อว่าจะเกิดการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ หลังจากที่การลงทุนดังกล่าวชะงักไป 3 ปีแล้วหลังสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ ประกอบกับ การคาดการณ์ว่าจะมีการยกเลิกมาตรการสำรอง 30% และ แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยปรับตัวลดลง จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค และคาดว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะฟื้นตัวชัดเจนในครึ่งหลังปี 51
"เชื่อมั่นว่ารัฐบาลใหม่จะใช้จังหวะที่ดอกเบี้ยต่ำ เงินทุนไหลเข้ามา ไปลงทุนเมกะโปรเจ็คต์ เพราะฉะนั้น เรื่องรถไฟฟ้าที่รัฐบาลจะกระตุ้นการลงทุน ผมเชื่อว่าจากที่จะลงทุน 9 สาย มีความเป็นไปได้ที่จะสำเร็จ 4-5 เส้นทาง ซึ่งคงใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 4-5 ปี" นายชายนิด กล่าว
--อินโฟเควสท์ โดย เสาวลักษณ์ อวยพร/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--