บมจ.ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น (SUPER) ออกกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้า ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี (SUPEREIF) จำนวนไม่เกิน 515 ล้านหน่วย เสนอขาย 10 บาท/หน่วย ระหว่างวันที่ 22 ก.ค.-5 ส.ค.62 กำหนดจำนวนหน่วยลงทุนขั้นต่ำของการจองซื้อ 2,000 หน่วย และเพิ่มครั้งละ 100 หน่วย โดยมีบลจ.บัวหลวง เป็นบริษัทจัดการ และมีธนาคารกรุงเทพ (BBL) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินสำหรับการเสนอขายครั้งแรก และเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่าย
SUPEREIF ปรับปรุงแบบเสนอขายกองทุนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยแจ้งรายละเอียดการเสนอขายหน่วยลงทุนดังกล่าว โดยคาดว่าผู้ถือหน่วยลงทุนภายหลังการจัดตั้งกองทุนฯ ประกอบด้วย ผู้สนับสนุน คือ SUPER จำนวน 103 ล้านหน่วย คิดเป็นไม่ต่ำกว่า 20% กำหนดจองซื้อวันที่ 5 ส.ค.62 , ผู้จองซื้อพิเศษ ประมาณ 154-258 ล้านหน่วย หรือ 30-50% กำหนดจองซื้อวันที่ 5 ส.ค.62 และผู้ถือหน่วยลงทุนทั่วไป ประมาณ 154-258 ล้านหน่วย หรือ 30-50% กำหนดจองซื้อตั้งแต่วันที่ 22-26 ก.ค. และวันที่ 30 ก.ค.62
สำหรับเงินที่จะได้รับจากระดมทุนด้วยการเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) ดังกล่าวไม่เกิน 5,150 ล้านบาท และเงินที่ได้จากการกู้ยืมเงินระยะยาวจากสถาบันการเงินในวงเงินไม่เกิน 3,000 ล้านบาท ซึ่งจะมีมูลค่ารวมของการระดมทุนไม่เกิน 8,150 ล้านบาท เพื่อนำไปลงทุนในสิทธิรายได้สุทธิจากการประกอบกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน (โซลาร์ฟาร์ม) ของ 17AYH และ HPM รวมทั้งสิ้น 19 โครงการ ภายใต้สัญญาโอนสิทธิรายได้สุทธิและเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของกองทุน และเพื่อใช้เป็นเงินสำรองสำหรับการชำระดอกเบี้ยและเงินต้นในช่วงที่กองทุนฯยังไม่มีกระแสเงินสดจากการดำเนินการ
ขณะที่กองทุนฯมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่าปีละ 2 ครั้ง ในกรณีที่มีกำไรสะสมเพียงพอ โดยการจ่ายเงินปันผลใด ๆ จะจ่ายให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุน เมื่อรวมแล้วในแต่ละรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 90% ของกำไรสุทธิที่ปรับปรุงแล้ว ภายใน 90 วันนับแต่วันสิ้นรอบบัญชีที่มีการจ่ายเงินปันผล