นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ในช่วงที่แนวโน้มการประกอบธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไปตามวิวัฒนาการของเทคโนโลยี ก.ล.ต. จำเป็นต้องพัฒนาระบบอิเล็กทรอนิกส์ให้มีความทันสมัย สามารถสกัดให้เห็นข้อมูล หรือความผิดปกติต่าง ๆ ได้ และภายในปีนี้ก.ล.ต.จะเริ่มนำระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ในการติดตามความถี่ของการเทรดหุ้น การซื้อขายที่มีความผิดปกติต่างๆได้อย่างรวดเร็วด้วย
วันนี้ ก.ล.ต. ได้ร่วมมือกับ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ปรับปรุงข้อกฎหมายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อป้องปรามการกระทำผิด ยกระดับความคุ้มครองผู้ลงทุนและสร้างความเชื่อมั่นในตลาดทุน เนื่องจากกฎหมาย หรือ ข้อตกลงที่ผ่านมา มีความล้าสมัย เพราะบางฉบับได้ทำการตกลงตั้งแต่ปี 2548 นอกจากนี้ เพื่อให้รองรับกับ พ.ร.ก.สินทรัพย์ดิจิทัลที่ออกมาเมื่อปี 2561 ด้วย เพื่อที่จะรองรับการพัฒนาสินทรัพย์ใหม่ๆที่ออกมา
สำหรับความตกลงร่วมมือกันในครั้งนี้ จะรวมถึงการลดขั้นตอนในการทำงานขั้นตอนของการสอบสวนด้วย ให้มีขั้นตอนที่น้อยลง มีความรวดเร็วมากขึ้น และการแลกเปลี่ยนข้อมูลในโลก Digital มาดำเนินการว่าจะเป็นในรูปแบบใดได้บ้าง นอกจากนี้ ยังเป็นการป้องกันการใช้ผู้ประกอบธุรกิจภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. ทั้งธุรกิจในตลาดทุน และตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นช่องทางในการฟอกเงินหรือสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย ซึ่งจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและความมั่นใจในการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบธุรกิจและการทำธุรกรรมต่าง ๆ ในตลาดทุนและตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากลด้วย
ด้านพล.ต.ต.ปรีชา เจริญสหายานนท์ รองเลขาธิการ รักษาราชการแทนเลขาธิการ ปปง. กล่าวเพิ่มเติมว่า การร่วมมือกันในครั้งนี้นั้น เพื่อรองรับกับการเงิน การลงทุนที่เปลี่ยนแปลงไปมาก โดยเทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้การทำธุรกรรมสะดวกและรวดเร็วมากขึ้น แต่ทั้งนี้ก็จะมีช่องโหว่ของเทคโนโลยีในการกระทำความผิดมากขึ้นด้วย ดังนั้น ในฐานะผู้กำกับดูแลทั้ง 3 หน่วยงาน จึงต้องยกระดับความร่วมมือและประสานงานกันใกล้ชิดมากขึ้น เพื่อให้มาตรการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายให้มีมาตรฐานสากลมากขึ้นด้วย
ขณะที่พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดี DSI กล่าวว่า การร่วมมือกันในครั้งนี้ จะเน้นการปฏิบัติงานเชิงรุกในทุกประเภทความผิดที่อยู่ภายใต้การกำกับของ ก.ล.ต. ให้มากขึ้น รวมถึงการสนับสนุนแลกเปลี่ยนข้อมูลและการหารือกันระหว่างกันตั้งแต่ในชั้นก่อนที่จะเป็นคดีถึงที่สุด เพื่อให้การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมในตลาดทุนเกิดประสิทธิภาพสูงสุดต่อไป