(เพิ่มเติม) PSL ปันผลงวดสุดท้าย 0.75บ./หุ้น,สั่งต่อเรือ 3 ลำ 114 ล้านดอลล์

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday February 13, 2008 09:54 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          บมจ. พรีเชียส ชิพปิ้ง (PSL) แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการอนุมัติเพื่อเสนอการจ่ายเงินปันผลรวมในอัตราหุ้นละ 2.25 บาทต่อหุ้น จากกำไรสุทธิของบริษัทฯในช่วง 1 มกราคม 2550 ถึง 31 ธันวาคม 2550 และเนื่องจากคณะกรรมการบริษัท ได้ประกาศและจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 3 ครั้ง รวมเป็นเงินในอัตราหุ้นละ 1.50 บาทต่อหุ้น ในช่วงเวลาดังกล่าวไปแล้ว 
ดังนั้นจึงเหลือเงินปันผลงวดสุดท้ายอีกจำนวน 0.75 บาทต่อหุ้น โดยมีกำหนดการจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายในวันที่ 10 เมษายน 2551 แก่ผู้ถือหุ้นที่มีชื่อปรากฏอยู่ในสมุดทะเบียนหุ้น ณ วันปิดสมุดทะเบียนหุ้นคือวันที่ 7 มีนาคม 2551 เวลา 12.00 น
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมฯอนุมัติสัญญาสั่งต่อเรือซุปราแมกซ์ 3 ลำ (การสั่งต่อเรือครั้งที่ 2) มีมูลค่ารวม 114 ล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา สำหรับขนสินค้าเทกองมีระวางบรรทุก 54,000 เดทเวทตัน ซึ่งเป็นเรือที่มีขนาดใหญ่กว่าเรือปัจจุบันที่อยู่ในกองเรือของบริษัทฯ รวมระวางบรรทุกของเรือสั่งต่อใหม่ทั้งหมดเท่ากับ 162,000 เดทเวทตัน
เหตุผลที่บริษัทฯ ทำสัญญาสั่งต่อเรือซุปราแมกซ์เพิ่มอีก 3 ลำ โดยก่อนหน้านี้ บริษัทฯ ได้ลงนามในสัญญาสั่งต่อเรือแฮนดี้ไซด์ 12 ลำ รวมทั้งสั่งต่อเรือซุปราแมกซ์ครั้งแรกจำนวน 3 ลำ เนื่องจากปัจจุบันกองเรือของบริษัทฯมีเรือ 25 ลำ ซึ่งเป็นเรือที่มีอายุมากกว่า 20 ปี และนับจากนี้ไปภายใน 5 - 7 ปี เรืออายุมากเหล่านี้จะต้องถูกปลดระวางโดยมีเรือใหม่เข้ามาแทนที่ เรือสั่งต่อใหม่ที่ทันสมัยเหล่านี้จะช่วยลดอายุเฉลี่ยของกองเรือบริษัทฯและจะทำให้กองเรือบริษัทฯ เป็นกองเรือที่ทันสมัยขึ้น
บริษัทฯ สั่งต่อเรือใหม่แทนการซื้อเรือมือสอง เนื่องจาก ณ ปัจจุบันราคาเรือมือสองมีราคาสูงอาจให้ผลตอบแทนไม่คุ้มกับราคาที่สูงของเรือ ความเสี่ยงจึงเกิดขึ้นหากซื้อเรือมือสองในราคาที่สูง กล่าวคือการซื้อเรือมือสองในราคาสูงนี้ จำเป็นต้องหารายได้ให้อยู่ในระดับสูงสุดของตลาดเรือ ณ ปัจจุบัน เป็นเวลาสองถึงสามปีความเสี่ยงดังกล่าวจึงจะลดลง ในขณะที่ราคาของเรือต่อใหม่ก็มีราคาสูงขึ้นแต่ขึ้นช้ากว่าเมื่อเปรียบเทียบกับราคาของเรือมือสองซึ่งเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังนั้นความเสี่ยงของการสั่งต่อเรือใหม่จึงน้อยกว่าการซื้อเรือมือสอง
การทำสัญญาสั่งต่อเรือใหม่จำนวน 3 ลำ ครั้งนี้จะช่วยให้บริษัทฯ สามารถคงและ/หรือขยายกำลังกองเรือของบริษัทฯ (กำลังในการขนส่งสินค้า) และเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด นอกเหนือจากการลดอายุเฉลี่ยของกองเรือและด้วยขนาดเรือที่ใหญ่ขึ้น จะช่วยให้บริษัทฯ สามารถเพิ่มขนาดเฉลี่ยของกองเรือบริษัทฯ นอกจากนี้ บริษัทฯยังสามารถถือประโยชน์จากโอกาสที่เอื้ออำนวยของเรือในกลุ่มใหม่นี้ คือ กลุ่มเรือขนาดซุปราแมกซ์ ซึ่งเป็นเรือขนาดใหญ่กว่าเรือแฮนดี้ไซส์ (หรือแม้แต่เรือแฮนดี้แมกซ์ก็ตาม) และมีเครื่องมือในการขนถ่ายสินค้าที่จำเป็นประจำอยู่บนเรือ ซึ่งบางท่าเรืออาจไม่มี
แหล่งเงินทุนสำหรับใช้ในการสั่งต่อเรือใหม่นี้ ปัจจุบัน บริษัทฯ กำลังพิจารณาข้อเสนอทางการเงินเพื่อใช้ซื้อเรือใหม่ โดยร้อยละ 20 ของราคาเรือจะมาจากกระแสเงินสดของบริษัทฯ และส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 80 ของราคาเรือจะมาจากการกู้ยืมจากธนาคารโดยจำนองเรือสั่งต่อใหม่เป็นหลักประกันเงินกู้ ขณะนี้บริษัทฯ อยู่ในระหว่างการหารือกับธนาคารจำนวนหนึ่ง ซึ่งธนาคารเหล่านี้มีความสนใจที่จะเสนอเงินทุนเพื่อใช้ในการสั่งต่อเรือซุปราแมกซ์ทั้ง 6 ลำ (การสั่งต่อเรือครั้งที่ 1 และการสั่งต่อเรือครั้งที่ 2) รวมทั้งเรือสั่งต่อใหม่
แฮนดี้ไซด์ 12 ลำ ทั้งนี้ บริษัทฯ คาดว่าธนาคารชั้นนำ 2 แห่ง จะยืนยันการให้การสนับสนุนทางการเงินที่เหมาะสมสำหรับรายการสั่งต่อเรือใหม่นี้ในอนาคตอันใกล้
บริษัทมีกำหนดการรับมอบเรือต่อใหม่ซุปราแมกซ์ 3 ลำ โดยประมาณ เรือลำที่ 1. ก่อน หรือ ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2555 โดยประมาณ ลำที่ 2. ก่อน หรือ ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2555 ลำที่ 3.ก่อน หรือ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2555
ปัจจุบัน บริษัทฯและบริษัทย่อยของบริษัทฯ มีเรือ 44 ลำ รวมระวางบรรทุกทั้งหมดเท่ากับ 1,130,280 เดทเวทตัน และมีอายุกองเรือเฉลี่ยประมาณ 20 ปี

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ