(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับฐานต่อเนื่องตามตลาดตปท. เงินทุนไหลเข้าชะลอ, งบฯกลุ่มแบงก์อาจยังไม่สดใสกดดัน

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday July 18, 2019 09:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสปรับฐานต่อเนื่อง หลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาระบุโดยค่อนข้างไม่ให้น้ำหนักการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงสั้น ทำให้ตลาดหุ้นไทยน่าจะยังคงเทรดในระดับ P/E ที่ค่อนข้างสูงราว 16.6 เท่า ประกอบกับการไหลเข้าของ Fund Flow ในช่วงนี้ค่อนข้างเบาลง และนักลงทุนสถาบันยังคงขายทำกำไรต่อเนื่องหลังจากที่ถือครองหุ้นอยู่ค่อนข้างมากก่อนหน้านี้

นอกจากนี้ตลาดหุ้นต่างประเทศส่วนใหญ่ปรับตัวลง โดยตลาดหุ้นสหรัฐ ได้รับแรงกกดันจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้า ประกอบกับการทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/62 ของกลุ่มแบงก์ที่จะทยอยออกมาในช่วงสัปดาห์นี้ภาพรวมมีแนวโน้มที่จะอ่อนตัวลง ก็น่าจะยังเป็นแรงกดดันต่อภาพรวมการลงทุนด้วย

พร้อมให้แนวรับที่ 1,705 จุด และแนวต้านที่ 1,725 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (17 ก.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,219.85 จุด ลดลง 115.78 จุด (-0.42%) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,984.42 จุด ลดลง 19.62 จุด (-0.65%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,185.21 จุด ลดลง 37.59 จุด (-0.46%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 132.38 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 9.95 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 200.13 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 6.56 จุด,ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 4.26 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 15.14 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.27 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (17 ก.ค.62) 1,718.85 จุด ลดลง 9.13 จุด (-0.53%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 674.12 ล้านบาท เมื่อวันที่ 17 ก.ค.2562
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (17 ก.ค.62) ปิดที่ 56.78 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 84 เซนต์ หรือ 1.5%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (17 ก.ค.62) ที่ 7.32 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 30.85/87 แข็งค่าจากวานนี้หลังดอลล์อ่อน คาดวันนี้แกว่งในกรอบ 30.85-31.00
  • ผู้ว่าการธปท. ระบุที่ผ่านมาเงินบาทแข็งค่าเกิดจากหลายปัจจัย แต่มองว่าอัตราดอกเบี้ยไม่ได้เป็นปัจจัยที่ทำให้มีเงินเข้ามาในประเทศ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยของไทยอยู่ในระดับต่ำที่ 1.75% และอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงอยู่ที่ 0.88% เท่านั้น ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาค จึงมองว่าการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอาจไม่ได้ส่งผลมากนัก และการดำเนินนโยบายการเงินต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยแต่ละประเทศว่าตอบโจทย์สถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศนั้น ๆ หรือไม่ แต่ ธปท. พร้อมปรับนโยบายการเงินหากสถานการณ์เปลี่ยนไปกว่าที่คาดไว้
  • "สภาธุรกิจตลาดทุนไทย" หน่วยงาน-สมาคมต่างๆ ในตลาดทุนไทย เตรียมผลักดัน -ประกาศเจตนารมณ์ ไม่ลงทุนใน บจ.ที่ไม่มีนโยบายทำ"อีเอสจี" ในเดือนหน้า เป็นโครงการเสริมสร้างตลาดทุน ธรรมาภิบาล เฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธี บรมราชาภิเษก พร้อมมีพี่เลี้ยงแนะนำ บริษัทขนาดกลาง-เล็ก เน้นทำเรื่องใกล้ตัวที่ดีต่อธุรกิจหลัก และสิ่งแวดล้อม หนุนบริษัทเติบโตยั่งยืน พร้อมเตรียมเสนอข้อมูลเร่งด่วนให้รมว.คลัง พิจารณา โดยเฉพาะประเด็นของกองทุนรูปแบบใหม่ เพื่อที่จะเข้ามาทดแทนแอลทีเอฟ ที่จะหมดอายุสิ้นปี 62 เบื้องต้นกองทุนรูปแบบใหม่จะให้สิทธิประโยชน์การลดหย่อนภาษีแก่ผู้ที่มีรายได้ปานกลาง และผู้มีรายได้น้อยมากขึ้น คาดว่าจะเสนอข้อมูลในช่วงต้นเดือน ส.ค.62 เพื่อให้แล้วเสร็จภายในปีนี้ ก่อนที่จะบังคับใช้ได้ในปี 63
  • "โบรกเกอร์" ประเมินหากรัฐปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 บาทต่อวัน กระทบกำไรบจ.เผย 4 กลุ่มกระทบหนัก ทั้งกลุ่มชิ้นส่วนฯ-รับเหมาฯ- ยานยนต์-เกษตรและอาหาร เหตุต้นทุนผลิตพุ่ง ด้านรมว.แรงงานยอมรับค่าแรง 400 บาทต่อวัน ไม่สูงแต่ต้องศึกษาผลที่ตามมา กระทบนายจ้าง เงินเฟ้อฉุดเศรษฐกิจ
  • บริษัท เซ็นจูรี่ 21 (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในครึ่งแรกของปี 2562 โดยภาพรวมอยู่ในภาวะชะลอตัวลงมาก เนื่องจากการขยายตัวของเศรษฐกิจโดยรวมไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์เอาไว้
  • รมว.อุตสาหกรรม ลั่นผลักดัน 12 อุตสาหกรรมเป้าหมาย-อุ้มเอสเอ็มอี-ขับเคลื่อนอีอีซี-ดูแลสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องเร่งด่วน ส่วนการปรับขึ้นค่าแรงนั้นหน้าที่ของคณะกรรมการไตรภาคี พร้อมเตรียมเดินสายพบเอกชนรับฟังความคิดเห็น ขับเคลื่อน 4.0 พร้อมจี้ ธปท.ผุดมาตรการดูแลค่าเงินบาทในระยะยาวมากขึ้น
  • "อุตตม" ขุนคลังคนใหม่ เตรียมดันมาตรการเศรษฐกิจระยะสั้น-ยาว ให้ครอบคลุมทั้งฐานรากถึงคนเมือง "วิษณุ" ยันบรรจุแก้รัฐธรรมนูญเป็นนโยบายเร่งด่วน ส่วนรายละเอียดรอนายกฯ แถลง "พรเพชร" ชี้ถกนโยบายรัฐบาลแค่ 2 วัน ก็พอ หากสมาชิกอภิปรายในกรอบ ปัดไม่มีองครักษ์พิทักษ์ "ลุงตู่" ด้าน "บิ๊กแดง" ซัดพวกปล่อยข่าวเท็จ ยันไม่ยุ่งเรื่องอภิปรายนายกฯ "ส.ส.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์" มีลุ้นนั่งโฆษกรัฐบาล

*หุ้นเด่นวันนี้

  • IRPC (เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ) แนะนำ "T-BUY" ราคาเป้าหมาย 5.35 บาท/หุ้น คาดผลประกอบการปกติ 2Q62 จะพลิกกับเป็นมีกำไรจากขาดทุนจากการดำเนินการใน 1Q62 อย่างไรก็ตามการฟื้นตัวดังกล่าวยังไม่น่าประทับใจ เนื่องจากแรงกดดันทั้งในส่วนของธุรกิจโรงกลั่นและปิโตรเคมียังคงอยู่ โดยการฟื้นตัวของกำไรจากการดำเนินงาน เป็นไปตามมุมมองที่เชื่อว่าผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วใน 1Q62 แนวโน้มการฟื้นตัวคาดต่อเนื่องไปใน 2H62 หนุนโดยผลบวกจากการบังคับใช้มาตรฐาน IMO2020 ในวันที่ 1 ม.ค.63 ที่จำกัดปริมาณกำมะถันน้ำมันที่ใช้สำหรับเดินเรือต่ำกว่า 0.5% จะช่วยหนุนส่วนต่างน้ำมันดีเซลจากอุปสงค์เพิ่มขึ้นเพื่อนำไปผสมเพื่อให้ได้ตามมาตรฐานดังกล่าว
  • JKN (หยวนต้าฯ) แนะ"ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 11.90 บาท/หุ้น จากแนวโน้มผลประกอบการใน 2Q62 แม้จะเติบโตในอัตราชะลอ แต่คาดกำไรจะกลับมาเติบโตเด่นใน 2H62 จากฐานที่ต่ำ และรายได้ขายลิบสิทธ์ที่เพิ่มขึ้น โดยยังคงประมาณการกำไรปี 2562 เติบโต 19% YoY ดีกว่าอุตสาหกรรมโฆษณาที่คาดว่าเม็ดเงินโฆษณาจะเติบโตในระดับต่ำเพียง 1-2% อย่างไรก็ตามแม้ผลกระทบจากการที่ 7 ช่องทีวีคืนช่องจะกระทบลูกค้า 2 ราย แต่บริษัทสามารถหาลูกค้าอื่นมาแทน และเพิ่มรายได้จากการขายลิขสิทธิ์ CNBC นอกจากนี้ราคาหุ้นปรับลงจากความกังวลเรื่องผลประกอบการมากไป ลงมาซื้อขายที่ PER 2562 –1SD เพียง 17 เท่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลังตั้งแต่เข้าตลาดที่ 25 เท่า
  • TOP (เคทีบีฯ) แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 78 บาท โดยราคาหุ้นได้สะท้อนค่าการกลั่นที่อยู่ในระดับต่ำแล้ว Downside risk ค่อนข้างจำกัดในเชิง P/BV ก็อยู่ในระกับต่ำที่ 1 เท่าหรือ -1SD เทียบเท่าช่วงปี 2558 ที่ตลาดหุ้นจีนเกิด Black Monday สำหรับแนวโน้มผลกำไร 2Q62 ยังไม่สดใสประเมินกำไรอยู่เพียง 125 ล้านบาท -97% YoY และ -97% QoQ มีแต่ปัจจัยลบกดดันจากมีการปิดซ่อมบำรุง และค่าใช้จ่ายเพิ่มจาก Employee benefit และ ค่าซ่อมบำรุง ประกอบกับมี Stock loss แต่ประเมินผลประกอบการเป็นจุดต่ำสุดแล้ว 2H62 เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของค่าการกลั่นจาก IMO โดยราคาหุ้นในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีการปรับตัวขึ้นมาประมาณ 10% ตามค่าการกลั่นที่ปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งยังเชื่อว่าด้วยกฎ IMO ใหม่จะทำให้ค่าการกลั่นปรับตัวขึ้นไปสู่ระดับ 6-7 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ