บลจ.แอสเซท พลัส ตั้งเป้าปี 51 เพิ่ม AUM อีก 45%จาก 2.2 หมื่นลบ.ในปี 50

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday February 13, 2008 10:54 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          บลจ.แอสเซท พลัส ตั้งเป้าปี 51 เพิ่มมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร(AUM) อีกอย่างน้อย 1 หมื่นล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 45% จากปี 50 ที่มี AUM จำนวน 22,284 ล้านบาท ซึ่งจะมาจากการเพิ่มขึ้นของธุรกิจกองทุนรวมเป็นหลัก โดยในปีนี้มีแผนออกกองทุนใหม่ ประเภทกองทุนตราสารหนี้และตราสารทุนทั้งในและต่างประเทศ และการขยายมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ(NAV)ของกองทุนรวมเดิม
และมีแผนพัฒนาระบบต่างๆ ให้มีความพร้อมรองรับการขยายตัวของธุรกิจ ตลอดการพัฒนาระบบการให้ข้อมูลข่าวสารกับนักลงทุนโดยตรงและผ่านตัวแทนขาย เพื่อตอบรับกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ใช้นวัตกรรมทางการเงิน
"เป้าหมายในระยะสั้นปีนี้จะเพิ่ม AUM อีก 1 หมื่นล้านบาทเป็นอย่างน้อย พร้อมกับ การพัฒนาระบบต่างๆ ให้มีความพร้อมเพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจ ...เพื่อบรรลุเป้าหมายที่จะเป็นบริษัทหลักทร้พย์จัดการกองทุนประเภท Non-bank ที่ดีที่สุดทั้งด้านผลตอบแทนและการให้บริการ" นางลดาวรรณ เจริญรัชต์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.แอสเซท พลัส กล่าว
จากการประเมินสถานการณ์การลงทุนในปีนี้ บลจ.แอสเซทพลัส เห็นว่ากองทุนรวมตราสารหนี้ ยังคงเป็นกองทุนหลักที่ได้รับความสนใจจากผู้ลงทุน โดยเฉพาะภายหลังจากที่ พ.ร.บ.สถาบันประกันเงินฝากมีผลบังคับใช้ในกลางปีนี้ จะทำให้มีเม็ดเงินไหลเข้ากองทุนรวมมากขึ้น ในส่วนบริษัทเตรียมออกกองทุนตราสารหนี้มารองรับนักลงทุนจากระบบเงินฝาก ทั้งกองทุนตราสารหนี้ทั่วไป และกองทุนตราสารหนี้ที่ใช้อนุพันธ์เป็นเครื่องมือในการเพิ่มผลตอบแทน ตามการปรับขึ้นของดัชนี SET50
โดยในวันที่ 25 ก.พ.-3 มี.ค.51 จะเสนอขายกองทุนเปิดแอสเซทพลัส 6 M 2 เป็นกองทุนรวมผสมไม่ลงทุนในหุ้น แต่มีนโยบายลงทุนใน Credit Link Note (CLN) ที่ใช้หลักทรัพย์อ้างอิง พันธบัตรรัฐบาลไทยและเกาหลีใต้ มีรอบระยะลงทุนสั้นในทุก 6 เดือน
และภายในไตรมาส 1 /51 มีแผนออกกองทุนที่ลงทุนต่างประเทศ(FIF) เน้นลงทุนธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตสูง เช่น สาธารณูปโภคพื้นฐาน ธุรกิจพลังงานทางเลือก ธุรกิจโภคภัณฑ์ รวมถึงกลุ่มประเทศที่ได้รับกระทบน้อยจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวของสหรัฐ ได้แก่ ละตินอเมริกา จีน และ อินเดีย
สำหรับแนวทางการดำเนินงานในปีนี้จะให้ความสำคัญเรื่องลูกค้า ตัวแทนขาย และทีมงานในองค์กร เพื่อให้บริษัทมีความพร้อมในการแข่งขันในธุรกิจกองทุนที่มีแนวโน้มจะมีการแข่งขันรุนแรงมากขึ้นในอนาคต ทั้งนี้ในปีนี้ บริษัทจะเพิ่มจำนวนผู้จัดการกองทุน เพื่อให้สอดรับกับผลิตภัณฑ์การลงทุนที่จะมีความหลากหลายมากขึ้น นอกจากนี้ บริษัทจะเน้นให้ข้อมูลและความรู้ดานการลงทุนให้กับตัวแทนขาย รวมทั้งเน้นให้การบริการผู้ลงทุนรายย่อยให้ได้สะดวกรวดเร็ว
นางลดาวรรณ มองว่า บรรยากาศการลงทุนยังได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวของสหรัฐ ทั้งการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด ซึ่งส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ทำให้คนถือครองดอลลาร์ลดลง ความเสี่ยงด้านอัตราเงินเฟ้อที่มีระดับสูง และปัญหาซับไพร์มที่มีผลกระทบต่อสภาพคล่องในต่างประเทศและความวิตกของนักลงทุน ทำให้การลงทุนทองคำและสินค้าโภคภัณฑ์มีแนวโน้มเติบโตสูง
การลงทุนตลาดหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวค่อนข้างน้อยถือเป็นการลงทุนที่น่าสนใจ โดยเฉพาะตลาดเกิดใหม่ที่เศรษฐกิจมีความแข็งแกร่งจากอุตสาหกรรมในประเทศและมีอัตราการเติบโตในระดับสูง โดยอุตสาหกรรมที่น่าสนใจ ได้แก่ กลุ่มสาธารณูปโภคพื้นฐานในแถบภูมิภาคเอเชีย ซึ่งสามารถขยายตัวได้อีกมาก, กลุ่มสินค้าเกษตรกรรมที่ได้รับผลดีจากการบริโภคในประเทศเพิ่มขึ้น , กลุ่มเวชภัณฑ์ที่มีแนวโน้มเติบโตในระยะยาวจากการเพิ่มขึ้นของประชากร , กลุ่มพลังงานทางเลือก ซึ่งมีการตื่นต้วจากภาวะโลกร้อน จะกลายเป็นผลดีต่อการลงทุนกลุ่มนี้

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ