หุ้น KBANK ราคาขยับขึ้น 1.39% มาอยู่ที่ 182.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,153.07 ล้านบาท เมื่อเวลา 11.33 น. โดยเปิดตลาดที่ 181.50 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 183 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 181 บาท
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ฯยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" หุ้นธนาคารกสิกรไทย (KBANK) แต่ปรับราคาเป้าหมายลงมาที่ 204 บาท อิง PBV ที่ 1.2x เทียบเท่า -1SD ย้อนหลัง 5 ปี จากเดิมที่อิง PBV ที่ 1.4x เทียบเท่า -0.5SD ย้อนหลัง 5 ปี เพราะเริ่มเห็นความเสี่ยงมากขึ้นจาก NPL ที่ยังคงเพิ่มขึ้นแม้ว่าจะมีการ write-off ในระดับสูง และมีการปรับประมาณการกำไรสุทธิในปีนี้ลง 2% จากค่าใช้จ่ายจาก Employee Benefit และค่าใช้จ่ายทางการตลาดที่เพิ่มขึ้น
ขณะที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลง 10% เมื่อเทียบกับ SET ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา รับรู้เรื่องความกังวลเรื่อง NPL ไปบางส่วนแล้ว อย่างไรก็ดี เชื่อว่าในระยะยาว KBANK จะสามารถบริหารจัดการ NPL ได้
KBANK ประกาศกำไรสุทธิในไตรมาส 2/62 อยู่ที่ 1 หมื่นล้านบาท ลดลง 9% YoY และ 1% QoQ เป็นไปตามที่เคทีบีฯและตลาดคาด ขณะที่ NIM ทรงตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนที่ 3.34% ส่วน Net Insurance Premium ยังคงหดตัวลง YoY อยู่ที่ 562 ล้านบาท จาก Q2/61 ที่ 1.8 พันล้านบาท เนื่องจากภาวะดอกเบี้ยที่อยู่ระดับต่ำ ส่วน NPL ลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 3.40% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนที่ 3.44% แต่มูลค่าของ NPL มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น 1% QoQ แม้ว่าจะมีการ write-off NPL สูงถึง 9 พันล้านบาท จากระดับปกติที่ 2-4 พันล้านบาท ทำให้มองว่า KBANK มีความเสี่ยงเรื่อง NPL มากขึ้น
ทั้งนี้ ปรับลดกำไรสุทธิปี 2562 ลง 2% จากค่าใช้จ่ายจาก Employee Benefit และค่าใช้จ่ายทางการตลาดที่เพิ่มขึ้น และกังวลเรื่อง NPL ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่คาดว่า แนวโน้มกำไรใน H2/62 มีโอกาสเติบโตได้จากสินเชื่อกลับมาเติบโตได้จากสินเชื่อรายใหญ่และรายย่อย (H1/62 โตได้ที่ 1% YTD) และคาดว่าจะเห็นกำไรกลับมาเติบโตได้ดีในปี 2563 เพราะ credit cost ได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว