หุ้น GULF ราคาขยับขึ้น 2.36% มาอยู่ที่ 130 บาท เพิ่มขึ้น 3 บาท มูลค่าซื้อขาย 796.83 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.40 น. โดยเปิดตลาดที่ 127.50 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 131 บาท และราคาทำระดับต่ำสุดที่ 127.50 บาท
บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) คาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/62 เด่นสุดในรอบปีจากผลของอัตราแลกเปลี่ยน (FX) โดยคาดกำไรสุทธิ ไตรมาส 2/62 ราว 1,690 ล้านบาท (ขาดทุน -438 ล้านบาท y-y, +31% q-q) หากตัดรายการพิเศษ FX gain/loss ออก คาดมีกำไรปกติ 957 ล้านบาท (+20% y-y, +12% q-q) โต y-y ตามรายได้ขายไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น 81% ตามกำลังการผลิตส่วนของ GMP (รับรู้รายได้แบบ consolidated) ที่เพิ่มขึ้น 88% หลัง COD โรง SPP ใหม่เพิ่ม 5 แห่ง กำไรโต q-q จากทั้งรายได้ที่เพิ่มขึ้นตามการกำลังการผลิต และ GPM ที่ดีขึ้นจากราคาก๊าซฯที่ลดลง
ทั้งนี้ คาดรายได้รวม 7,268 ล้านบาท (+81% y-y, +11% q-q) โตสูง y-y โต q-q หลักๆ จากมีโรง SPP เปิดเพิ่ม 5 แห่ง และ 1 แห่ง ส่งให้กำลังการผลิตตามสัดส่วนร่วมทุน หรือ equity MW เพิ่มมาอยู่ที่ 822 MW (Vs. 2Q61 ที่ 438 MW และ 1Q62 ที่ 732 MW) +88% y-y และ 12% q-q ตามลำดับ
นอกจากนี้ คาด GPM ราว 25.4% (Vs. 25.8% ใน 2Q18 และ 23.9% ใน Q1/62) ใกล้เคียงไตรมาส 2/61 แม้จะมีผลกระทบจากต้นทุนก๊าซฯที่สูงขึ้น แต่ได้ค่า ft ที่ปรับขึ้นมาชดเชย เพิ่มขึ้นจาก 1Q62 จากต้นทุนก๊าซฯที่ลดลงส่งให้ GPM ส่วนของการขายไฟฟ้า IU ปรับเพิ่มขึ้น
สำหรับส่วนแบ่งกำไรฯ คาดราว 670 ล้านบาท (-5% y-y, +2% q-q) ลดลง y-y จากค่า AP ที่ลดลงของ โรง GUT และ GNS เพิ่มเล็กน้อย q-q จากการเรียกไฟโรง GUT เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ราว 50% Vs. 1Q62 ราว 17% และโรง SPP ภายใต้ GJP มี GPM ดีขึ้นจากส่วนของ IU
หากกำไรปกติไตรมาส Q2/62 เป็นไปตามคาด จะทำให้กำไรปกติในครึ่งปีแรก (H1/62) คิดเป็นราว 48% และ 47% ของประมาณการทั้งปี 62 และตลาด (3,896 ล้านบาท) ตามลำดับ