โบรกเกอร์ แนะนำ"ซื้อ"หุ้นธนาคารกรุงไทย (KTB) จากผลการดำเนินงานช่วงครึ่งหลังปีนี้ มีแนวโน้มดีกว่าครึ่งปีแรก จากที่เข้าสู่ช่วง High season ในการปล่อยสินเชื่อ และยังได้ประโยชน์จากโครงการภาครัฐฯที่มีออกมา หนุนให้มีการปล่อยสินเชื่อโครงการภาครัฐฯมากขึ้นด้วย นอกจากนี้ยังมีคุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้น เป็นผลให้ระดับสำรองลดลงจากปีก่อนหน้า และต้นทุนเงินทุนเป็นขาลง เป็นบวกต่อ NIM
อีกทั้งในไตรมาส 3/62 อาจรับรู้รายการพิเศษจากการชำระคืนหนี้ AQ ดังนั้น ในช่วงที่เหลือของปีระดับการตั้งสำรอง และระดับ NPL ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิในปีนี้ไว้ในช่วง 30,199-31,000 ล้านบาท เติบโตจากปีที่แล้ว ที่มีกำไรสุทธิ 28,491 ล้านบาท ขณะที่ KTB ยังให้ปันผลที่ดีเมื่อเทียบกับแบงก์ขนาดใหญ่ด้วย
พักเที่ยงราคาหุ้น KTB อยู่ที่ 19.80 บาท ไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อน ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย ปรับขึ้น 0.23%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
หยวนต้า (ประเทศไทย) ซื้อ 22.50
ทิสโก้ ซื้อ 21.20
ฟิลลิป (ประเทศไทย) ซื้อ 22.00
เคทีบี (ประเทศไทย) ซื้อ 21.50
ทรีนีตี้ ซื้อ 21.40
กสิกรไทย ซื้อ 22.00
คิงส์ฟอร์ด ซื้อ 22.00
ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 23.00
นายอดิสรณ์ มุ่งพาลชล รองผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของกลุ่มแบงก์ในช่วงครึ่งหลังปีนี้ จะดีกว่าครึ่งปีแรก จากที่เข้าสู่ช่วง High season ในการปล่อยสินเชื่อ และ KTB ก็ยังได้ประโยชน์จากโครงการภาครัฐฯด้วย นอกจากนี้ KTB มีการให้ปันผลที่ดีเมื่อเทียบกับแบงก์ขนาดใหญ่ โดยในปี 2562 คาดว่า KTB จะจ่ายเงินปันผล 0.76 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) 3.8% เมื่อคิดจากราคาหุ้น KTB ที่ 19.80 บาท
สำหรับตัวเลขหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของ KTB ถือว่ายังมีอยู่มากเมื่อเทียบกับแบงก์อื่น โดยไตรมาส 2/62 มีปริมาณ กว่า 2,000 ล้านบาท แต่สินเชื่อก็ปรับตัวลงด้วย ทำให้สัดส่วน NPL ของ KTB มีอยู่ประมาณ 4.7% ซึ่งคาดการณ์ว่า NPL ปี 2562 จะอยู่ที่ 4.5% และสินเชื่อในปี 2562 คาดว่าจะเติบโต 6% หากในครึ่งปีหลัง KTB ตั้งสำรองฯลดลงได้อย่างไตรมาส 2/62 ก็จะทำให้ผลประกอบการของ KTB ปีนี้เติบโตได้ดี โดยคาดการณ์กำไรสุทธิของ KTB ปีนี้ไว้ที่ 31,000 ล้านบาท เติบโต 10% จากปีที่แล้ว
นอกจากนี้ KTB ไม่ได้รับผลกระทบเรื่องการตั้งสำรองค่าใช้จ่ายพนักงานตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานฉบับใหม่เหมือนอย่างแบงก์อื่น เนื่องจาก KTB อยู่ภายใต้กฎหมายแรงงานรัฐวิสหกิจสัมพันธ์
ส่วน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ฯ ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2562-2563 ของ KTB เพิ่มขึ้น 3% และ 5% ตามลำดับ เป็นผลให้กำไรปี 62 เพิ่มเป็น 31,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จากปีที่แล้ว และกำไรปี 63 เพิ่มเป็น 33,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากปีนี้ตามลำดับ ตามการปรับสมมติฐาน การลด Credit cost 5-10 bps ,ลดต้นทุนเงินทุนราว 10 bps เพราะเงินฝากต้นทุนสูงใกล้หมดอายุ และปรับเพิ่มค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพื่อสะท้อนต่อการด้อยค่าสินทรัพย์ เป็นผลให้ราคาเหมาะสมขยับขึ้นเป็น 22.5 บาท พร้อมปรับคำแนะนำเป็น "ซื้อ"
โดยมองว่า KTB น่าสนใจจากคุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้น เป็นผลให้ระดับสำรองลดลงจากปีก่อนหน้า ,ต้นทุนเงินทุนเป็นขาลง เป็นบวกต่อ ส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) และในไตรมาส 3/62 อาจรับรู้รายการพิเศษจากการชำระคืนหนี้ของบมจ.เอคิว เอสเตท (AQ)
นอกจากนี้ KTB ยังได้เตรียมความพร้อมจัดชั้นลูกหนี้ตามเกณฑ์ IFRS9 เกือบทั้งหมดแล้ว ดังนั้น ในช่วงที่เหลือของปีจึงมองว่าระดับการตั้งสำรอง และระดับ NPL ratio ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
ด้านบทวิเคราะห์บล.ทรีนีตี้ ระบุว่า ยังคงประมาณการกำไรของ KTB ในปี 2562 ที่ 30,199 ล้านบาท โดยกำไรครึ่งปีแรกคิดเป็นราว 51% ของประมาณการทั้งปี สำหรับในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าแนวโน้มกำไรจะดีขึ้น เนื่องจากความจำเป็นในการตั้งสำรองพิเศษจะลดลง สำหรับสำรองค่าใช้จ่ายพนักงานตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานฉบับใหม่นั้นไม่ส่งผลกระทบ เนื่องจาก KTB อยู่ภายใต้ พ.ร.บ.แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ แต่หากในอนาคตมีการปรับแก้กฎหมายดังกล่าวก็อาจมีการปรับประมาณการอีกครั้งหนึ่ง