บล.เออีซี (AEC) ประเมินตลาดหุ้นไทยในช่วงสัปดาห์นี้ยังคงผันผวน ในกรอบ 1,690 -1,730 จุด โดยให้นักลงทุนจับตาทิศทางต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่มีคาดหวังการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 1 ครั้งในการประชุมเดือน ก.ค.นี้ที่ Implied Prob. 79% และคาดหวังปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในประชุมครั้งนี้ที่ Implied Prob. 21% รวมถึงรอการแถลงทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบาย จากนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด
ขณะเดียวกัน ยังคงต้องจับตาการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ อย่างดัชนี PCE อัตราการว่างงาน และ PMI ภาคการผลิตโดยอาจส่งผลต่อความเห็นของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ในช่วงที่เหลือของปี ขณะที่ธนาคารกลาง อาทิ ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) รวมถึงธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังคาดคงดอกเบี้ยนโยบายเดิม
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยยังมีสัญญาณลบจากการที่ต่างชาติกลับมาขายสุทธิสูงกว่า 4,346 ล้านบาทเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการขายสุทธิรายวันสูงสุดในรอบ 9 เดือน หลังการแถลงนโยบายของภาครัฐฯ ยังไม่มีสัญญาณเชิงบวกตามที่ตลาดคาด กอปรกับ 10Yr- Thai Bond Yield ปรับลงสู่ 1.904% ต่ำกว่า 10Yr US Bond Yield ที่ 2.065% และปัจจุบันซื้อขายด้วย PER ที่สูงราว 18.5x ทำให้ตลาดไทยมีความน่าสนใจลดลง
ทั้งนี้ โดยให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ หุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และยังมี Upside ที่น่าสนใจ อาทิ หุ้น บมจ.เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ (BJC) , บมจ.ซีฟโก้ (SEAFCO) , บมจ.ไดนาสตี้เซรามิค (DCC) , บมจ.โรบินสัน (ROBINS) และหุ้นกลุ่ม Defensive Stock ซึ่งถือเป็นหุ้นที่ปลอดภัย ในช่วงท่ามกลางความผันผวนของตลาดหุ้นในปัจจุบัน ทำให้เลือกหุ้นที่มีอัตราจ่ายปันผลน่าดึงดูดบวกกับกำไรช่วงครึ่งหลังปีนี้ มีแนวโน้มโตดี โดยแนะนำ หุ้นบมจ.เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง (ASK) และหุ้น บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH)